รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนมีนาคม 2564

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 29, 2021 13:18 —กระทรวงการคลัง

?เศรษฐกิจไทยในเดือนมีนาคม 2564 ได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้า และการใช้จ่ายภาคเอกชน ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี จำเป็นต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564 ต่อไป?

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนมีนาคม 2564 พบว่า ?เศรษฐกิจไทยในเดือนมีนาคม 2564 ได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้า และการใช้จ่ายภาคเอกชน ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี จำเป็นต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564 ต่อไป? โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ขยายตัวร้อยละ 15.2 ต่อปี สอดคล้องกับการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งและปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 18.4 และ 15.6 ต่อปี และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวที่ร้อยละ 8.1 และ 8.6 ตามลำดับ สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริงที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 12.8 ต่อปี ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 48.5 จากระดับ 49.4 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากภาครัฐประกาศงดกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงสงกรานต์ รวมถึงผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ยังคงช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 14.8 ต่อปี และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวที่ร้อยละ 5.4 สอดคล้องกับปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่กลับมาขยายตัวร้อยละ 26.3 ต่อปี และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวที่ร้อยละ 0.6 สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ขยายตัวในอัตราเร่งที่ร้อยละ 11.4 ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่นเดียวกันกับภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวร้อยละ 17.8 ต่อปี

มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากเดือนก่อน มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ พบว่ามีมูลค่าสูงถึง 24,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 8.5 ต่อปี และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ร้อยละ 12.0 ต่อปี โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ 1) สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวร้อยละ 43.1 และ 50.6 ต่อปี ตามลำดับ สอดคล้องกับการส่งออกเม็ดพลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์ ที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง 2) สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และอาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 109.2 59.2 และ 41.4 ต่อปี ตามลำดับ 3) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) อาทิ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ โทรศัพท์และอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาทิ ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น และ 4) สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และถุงมือยาง ที่ยังคงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ตลาดคู่ค้าหลักของไทยปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดจีน ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันที่ร้อยละ 35.4 ต่อปี เช่นเดียวกับการส่งออกไปสหภาพยุโรป เอเชียใต้ และทวีปออสเตรเลีย ขยายตัวที่ร้อยละ 32.0 24.3 และ 16.9 ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกไปตลาดอาเซียน 9 ประเทศ ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ -0.4 ต่อปี

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทานปรับตัวดีจากเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2564 กลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 ต่อปี จากการขยายตัวในหมวดอุตสาหกรรมยานยนต์ น้ำตาล และอาหารสำเร็จรูป เป็นต้น สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 87.3 จากระดับ 85.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการผลิตกลับมาขยายตัวตามอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัว อาทิ กลุ่มสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนฯ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และน้ำมันสำเร็จรูป สำหรับบริการด้านการท่องเที่ยว พบว่า ในเดือนมีนาคม 2564 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa: STV) รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) และนักธุรกิจ จำนวน 6,737 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สหราชอาณาจักร และจีน เป็นต้น

ในขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยขยายตัวร้อยละ 71.5 ต่อปี สำหรับภาคเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.6 ต่อปี จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ อาทิ ข้าวเปลือก ยางพารา และผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ เช่น สุกร และไก่ เป็นต้น

เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.1 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.1 ต่อปี ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 อยู่ที่ร้อยละ 53.2 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 อยู่ในระดับสูงที่ 245.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

?เศรษฐกิจไทยในเดือนมีนาคม 2564 ได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้า
และการใช้จ่ายภาคเอกชน ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี จำเป็นต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564 ต่อไป?

1. เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ขยายตัวร้อยละ 15.2 ต่อปี สอดคล้องกับการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 18.4 และ 15.6 ต่อปี และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวที่ร้อยละ 8.1 และ 8.6 ตามลำดับ  สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริงที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 12.8 ต่อปี ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 48.5 จากระดับ 49.4 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากภาครัฐประกาศงดกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงสงกรานต์ รวมถึงผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ดี
มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ยังคงช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง

เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชน          2563          2563          2564
                    Q1          Q2          Q3          Q4          Q1          ก.พ.          มี.ค.          YTD
ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ (%YoY)          ?6.8%          ?0.0%          ?15.1%          ?5.1%          ?6.7%          -3.9%          ?18.1%          15.2%          -3.9%
%qoq_SA / %mom_SA                     0.5%          ?13.7%          7.5%          0.0%          3.6%          ?6.5%          30.6%
ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง (%YoY)          ?30.6%          ?23.6%          ?60.2%          ?30.3%          ?5.0%          -24.0%          ?30.7%          18.4%          -24.0%
%qoq_SA / %mom_SA                     2.5%          ?49.5%          62.6%          12.2%          -17.0%          11.6%          8.1%
ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ (%YoY)          ?10.4%          ?5.9%          ?28.1%          ?2.9%          ?4.6%          1.2%          ?5.9%          15.6%          1.2%
%qoq_SA / %mom_SA                     -0.8%          ?26.2%          40.8%          ?7.6%          5.4%          3.5%          8.6%
ปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค (%YoY)          ?10.1%          ?2.2%          ?16.6%          ?11.2%          ?10.6%          8.8%          17.8%          17.8%          8.8%
%qoq_SA / %mom_SA                     ?7.7%          ?12.7%          12.3%          ?1.4%          12.8%          6.6%          3.8%
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ระดับ)          52.6          60.8          48.2          50.4          51.1          48.6          49.4          48.5          48.6
รายได้เกษตรกรที่แท้จริง (%YoY)          2.1%          ?6.8%          ?4.2%          4.7%          11.0%          10.9%          12.1%          12.8%          10.9%

2. เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 14.8 ต่อปี และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวที่ร้อยละ 5.4 สอดคล้องกับปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่กลับมาขยายตัวร้อยละ 26.3 ต่อปี และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวที่ร้อยละ 0.6  สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ขยายตัวในอัตราเร่งที่ร้อยละ 11.4 ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่นเดียวกันกับภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวร้อยละ 17.8 ต่อปี

เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน          2563          2563          2564
                    Q1          Q2          Q3          Q4          Q1          ก.พ.          มี.ค.          YTD
เครื่องชี้การลงทุนในเครื่องจักร
ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน (%YoY)          ?10.3%          ?3.9%          ?17.0%          ?15.4%          ?4.9%          5.4%          18.6%          14.8%          5.4%
%qoq_SA / %mom_SA                     ?4.7%          ?10.7%          3.4%          7.7%          6.0%          6.9%          5.4%
ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์(%YoY)          ?15.2%          ?24.4%          ?44.2%          ?1.3%          11.7%          5.9%          ?2.3%          26.3%          5.9%
 %qoq_SA / %mom_SA                     ?6.9%          ?25.6%          56.4%          2.7%          ?10.8%          ?2.4%          0.6%
เครื่องชี้การลงทุนก่อสร้าง
ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ (%YoY)          ?12.9%          ?17.8%          ?12.3%          ?10.4%          ?11.3%          5.0%          2.9%          17.8%          5.0%
%qoq_SA / %mom_SA                     ?11.6%          ?5.1%          9.3%          ?3.2%          4.5%          7.2%          7.4%
ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ (%YoY)          ?0.5%          ?4.3%          4.0%          1.6%          ?3.1%          4.7%          0.9%          11.4%          4.7%
%qoq_SA / %mom_SA                     ?4.8%          9.2%          ?4.4%          ?2.6%          3.2%          0.8%          1.5%
ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง (%YoY)          ?1.8%          ?2.2%          ?3.6%          ?1.7%          0.4%          4.4%          4.3%          5.4%          4.4%

3. การใช้จ่ายงบประมาณ สะท้อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณรวม ในเดือนมีนาคม 2564 เบิกจ่ายได้จำนวน 278.5 พันล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบันจำนวน 258.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ 211.9 พันล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 46.6 พันล้านบาท และเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 20.0 พันล้านบาท ทำให้ใน 6 เดือนแรกในปีงบประมาณ 2564 มีการเบิกจ่ายรวม 1,685.3 พันล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบันจำนวน 1,551.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 1,391.7 พันล้านบาท รายจ่ายลงทุน 159.7 พันล้านบาท ขณะที่การเบิกจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 133.9 พันล้านบาท

เครื่องชี้
ภาคการคลัง          FY2563          FY2563          FY2564
                    Q1          Q2          Q3          Q4          Q1          Q2          ก.พ.          มี.ค.          FYTD
รายจ่ายปีปัจจุบัน          2,943.9          729.5          813.6          710.4          690.4          938.5          612.9          165.3          258.5          1,551.4
 %YoY          5.6          ?18.3          21.6          20.4          8.6          28.7          ?24.7          ?2.0          ?42.9          0.5
รายจ่ายประจำ          2,575.9          703.5          750.4          602.8          519.3          865.5          526.2          141.8          211.9          1,391.7
%YoY          7.3          ?14.0          31.9          21.1          0.5          23.0          ?29.9          ?12.4          ?47.6          ?4.3
รายจ่ายลงทุน          367.9          26.0          63.3          107.6          171.1          73.0          86.7          23.5          46.6          159.7
%YoY          ?5.0          ?65.4          ?36.9          16.1          43.7          180.9          37.1          241.0          ?3.7          78.9
รายจ่ายปีก่อน          224.9          80.6          62.8          32.8          48.7          79.8          54.2          16.2          20.0          133.9
%YoY          ?11.8          13.9          2.9          ?54.0          ?6.0          ?1.0          ?13.7          ?8.7          ?0.9          ?6.6
รายจ่ายรวม          3,168.7          810.1          876.4          743.2          739.0          1,018.3          667.0          181.4          278.5          1,685.3
%YoY          4.1          ?15.9          20.0          12.3          7.5          25.7          ?23.9          ?2.7          ?41.1          ?0.1

4. มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากเดือนก่อน มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ พบว่ามีมูลค่าสูงถึง 24,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 8.5 ต่อปี และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ร้อยละ 12.0 ต่อปี โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ 1) สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวร้อยละ 43.1 และ 50.6 ต่อปี ตามลำดับ สอดคล้องกับการส่งออกเม็ดพลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์ ที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง 2) สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และอาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 109.2 59.2 และ 41.4 ต่อปี ตามลำดับ 3) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
ที่บ้าน (Work from Home) อาทิ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ โทรศัพท์และอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาทิ ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น และ 4) สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และถุงมือยาง ที่ยังคงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ตลาดคู่ค้าหลักของไทยปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดจีน ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันที่ร้อยละ 35.4 ต่อปี เช่นเดียวกับการส่งออกไปสหภาพยุโรป เอเชียใต้ และทวีปออสเตรเลีย ขยายตัวที่ร้อยละ 32.0 24.3 และ 16.9 ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกไปตลาดอาเซียน 9 ประเทศ ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ -0.4 ต่อปี

ประเทศคู่ค้าหลัก 16 ประเทศ          สัดส่วน          2563          2563          2564
                              Q1          Q2          Q3          Q4          Q1          ก.พ.          มี.ค.          YTD
ส่งออกไปทั้งโลก          100.0%          -6.0%          1.0%          -15.2%          -7.8%          -2.0%          2.3%          -2.6%          8.5%          2.3%
สหรัฐฯ          14.8%          9.6%          -2.6%          8.9%          17.6%          16.0%          12.5%          19.7%          7.2%          12.5%
จีน          12.9%          2.0%          -0.9%          12.1%          -0.2%          -2.6%          20.6%          15.7%          35.4%          20.6%
ญี่ปุ่น          9.9%          -6.7%          -5.5%          -13.5%          -12.2%          4.2%          6.2%          6.5%          4.7%          6.2%
สหภาพยุโรป          8.0%          -12.7%          -4.0%          -30.7%          -12.6%          -3.7%          8.5%          0.2%          32.0%          8.5%
ทวีปออสเตรเลีย          4.9%          -7.6%          -4.0%          -22.9%          -12.9%          13.0%          21.2%          18.3%          16.9%          21.2%
ฮ่องกง          4.9%          -3.6%          12.3%          -8.6%          -13.9%          -2.0%          -19.3%          -36.7%          -26.8%          -19.3%
เวียดนาม          4.8%          -7.9%          -7.9%          -21.0%          -5.8%          3.6%          12.9%          6.2%          13.0%          12.9%
สิงคโปร์          4.1%          7.2%          38.1%          -0.2%          4.3%          -10.6%          -37.4%          -49.6%          -25.9%          -37.4%
มาเลเซีย          3.8%          -15.7%          -22.9%          -32.0%          -6.7%          -0.6%          36.7%          25.1%          70.6%          36.7%
อินโดนีเซีย          3.3%          -16.0%          22.4%          -6.2%          -45.9%          -33.4%          -26.1%          -19.4%          -36.3%          -26.1%
ตะวันออกกลาง          3.1%          -13.2%          3.5%          -22.2%          -24.4%          -10.3%          0.0%          -9.9%          -0.2%          0.0%
อินเดีย          2.4%          -25.2%          -11.4%          -67.2%          -21.7%          9.0%          8.0%          8.9%          28.3%          8.0%
แอฟริกา          2.4%          -19.4%          -15.5%          -38.2%          -17.0%          -5.6%          11.2%          16.3%          11.2%          11.2%
ฟิลิปปินส์          2.2%          -27.0%          -10.9%          -47.0%          -33.5%          -17.0%          4.0%          -10.9%          38.7%          4.0%
เกาหลีใต้          1.8%          -10.3%          -4.9%          -25.4%          -7.1%          -0.7%          19.5%          10.9%          40.9%          19.5%
ไต้หวัน          1.6%          -5.6%          13.5%          -11.9%          -14.7%          -5.8%          9.8%          -2.5%          14.3%          9.8%
     อาเซียน-9          24.0%          -11.7%          4.2%          -22.4%          -14.9%          -13.6%          -5.5%          -11.8%          -0.4%          -5.5%
     อาเซียน-5          13.4%          -12.2%          5.3%          -19.7%          -19.0%          -15.0%          -10.2%          -17.3%          -2.5%          -10.2%
     อินโดจีน-4          10.5%          -11.1%          2.8%          -25.9%          -9.2%          -12.0%          0.6%          -4.2%          2.0%          0.6%
































5. เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทานปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
ในเดือนมีนาคม 2564 กลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 ต่อปี จากการขยายตัวในหมวดอุตสาหกรรมยานยนต์ น้ำตาล และอาหารสำเร็จรูป เป็นต้น สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 87.3 จากระดับ 85.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการผลิตกลับมาขยายตัวตามอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัว อาทิ กลุ่มสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนฯ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และน้ำมันสำเร็จรูป สำหรับบริการด้านการท่องเที่ยว พบว่า ในเดือนมีนาคม 2564 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa: STV) รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) และนักธุรกิจ จำนวน 6,737 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สหราชอาณาจักร และจีน เป็นต้น ในขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยขยายตัวร้อยละ 71.5 ต่อปี สำหรับภาคเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.6 ต่อปี จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ อาทิ ข้าวเปลือก ยางพารา และผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ เช่น สุกร และไก่ เป็นต้น




เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทาน          2563          2563          2564
                    Q1          Q2          Q3          Q4          Q1          ก.พ.          มี.ค.          YTD
ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม (%YoY)          ?4.8%          ?13.1%          ?5.2%          ?2.2%          0.2%          1.3%          2.1%          0.6%          1.3%
%qoq_SA / %mom_SA                     ?5.6%          5.8%          2.0%          ?1.6%          ?4.0%          ?2.6%          ?15.6%
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (%YoY)          ?9.3%          ?6.7%          ?20.4%          ?8.5%          ?1.6%          0.3%          ?1.3%          4.1%          0.3%
%qoq_SA / %mom_SA                     ?0.0%          ?15.3%          12.0%          3.6%          2.0%          0.9%          ?7.1%
อัตราการใช้กำลังการผลิต (%)          61.0%          66.9%          52.8%          60.4%          63.8%          67.0%          65.1%          69.7%          67.0%
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (ระดับ)          84.6          90.1          78.1          83.9          86.4          85.3          85.1          87.3          85.3
นักท่องเที่ยวต่างชาติ (%YoY)          ?83.2%          ?38.0%          ?100.0%          ?100.0%          ?99.9%          ?99.7%          ?99.7%          ?99.2%          ?99.7%
%qoq_SA / %mom_SA                     64.2%          ?100.0%          ?4.8%          -          77.6%          ?11.7%          53.0%
จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (%YoY)          ?46.4%          ?30.3%          ?90.6%          ?38.0%          ?29.9%          ?34.5%          ?37.4%          71.5%          ?34.5%


6. เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.1 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.1 ต่อปี ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 อยู่ที่ร้อยละ 53.2 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 อยู่ในระดับสูงที่ 245.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

          ที่มา: กระทรวงการคลัง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ