Executive Summary
Indicators this week
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) เดือน คงค้าง 17.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวพ.ค. 64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 82.3 จากระดับ 84.3 ในเดือนก่อน
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน พ.ค. 64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 44.7 จากระดับ 46.0 ในเดือนก่อน
ระดับสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ในเดือน เม.ย. 64 คิดเป็น 1.78 เท่าของสินทรัพย์สภาพคล่องที่ต้องดำรงตามกฎหมาย
GDP ยูโรโซน ไตรมาสที่ 1 ปี 64 (ประมาณการครั้งที่ 3) หดตัวร้อยละ -1.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
Economic Indicators: This Week ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) เดือน พ.ค. 64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 82.3 จากระดับ 84.3 ในเดือนก่อน เป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดรอบใหม่ ที่ยังไม่คลี่คลาย ประกอบกับเกิด คลัสเตอร์ในโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต อีกทั้งผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น และขาดแคลนแรงงาน อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ เราชนะ ม.33 เรารักกัน ที่ช่วยสนับสนุนกำลังซื้อในประเทศ นอกจากนั้นเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลายและเริ่มทยอยเปิดเมือง รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นผลทำให้การส่งออกได้รับอานิสงค์ไปด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน พ.ค. 64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 44.7 จากระดับ 46.0 ในเดือนก่อนซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่ทำการสำรวจในเดือน ต.ค. 41 เป็นต้นมาเนื่องจากความกังวลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในประเทศไทยในรอบที่ 3 ประกอบกับความกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพน้อยลงและ การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ล่าช้า ส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนักและยังขาด แรงกระตุ้นในการฟื้นตัว แม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการเราชนะ และโครงการอื่น ๆ จะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อได้แล้วในระดับหนึ่ง ระดับสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ในเดือน เม.ย. 64 คิดเป็น 1.78 เท่าของสินทรัพย์ สภาพคล่องที่ต้องดำรงตามกฎหมาย โดยยอดคงค้างสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบในเดือนเม.ย. 64 อยู่ที่ 5.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ธปท. ได้ปรับเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์ สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์จากเกณฑ์เดิมที่ต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 ของเงินรับฝากเป็นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 100 (หรือ 1.0 เท่า) ของประมาณการกระแสเงินสดไหลออกสุทธิในสภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) ตั้งแต่เดือน ม.ค. 59 Global Economic Indicators: This Week US มูลค่าการส่งออก เดือน เม.ย. 64 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ร้อยละ 53.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 14.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังหดตัวติดต่อกันมา 12 เดือน ขณะเดียวกันมูลค่าการนำเข้า เดือน เม.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 36.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 21.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเป็นการขยายตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในปี 35 ส่งผลให้ดุลการค้า เดือน เม.ย. 64 ขาดดุลที่ -83.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุลที่ -86.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราเงินเฟ้อ เดือน พ.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 5.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 4.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 61 เนื่องจากฐานต่ำ ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ประกอบกับมี อุปสงค์ในตลาดที่เพิ่มขึ้นหลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครังแรกรายสัปดาห์ (30 พ.ค.-5 มิ.ย. 64) อยู่ที่ 3.76 แสนราย ลดลงจากเดือนก่อนหน้าและเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 อย่างไรก็ดี ยังคงสูงกว่าระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดที่ค่าเฉลี่ย 2.30 แสนรายต่อสัปดาห์ China มูลค่าการส่งออก เดือน พ.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 27.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 31.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการนำเข้า เดือน พ.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 51.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 42.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเป็นการขยายตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 53 ส่งผลให้ดุลการค้า เดือน พ.ค. 64 เกินดุลที่ 45.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ 42.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราเงินเฟ้อ เดือน พ.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 1.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 0.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อของจีนยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเดือน ก.ค. 64 ที่อยู่ที่ร้อยละ 2.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน พ.ค. 64 ขยายตัวเร่งขึนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ที่ร้อยละ 9.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 13 ปี ทั้งนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จีนได้พุ่งสูงขึ้นเป็นวงกว้าง อันเป็นผลจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งของจีน ประกอบกับได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ /Eurozone GDP ไตรมาสที่ 1 ปี 64 (ประมาณการครังที่ 3) หดตัวร้อยละ -1.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หดตัวลดลงจากไตรมาส \ ก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -4.7 และหดตัวลดลงจากการประมาณการครั้งก่อนที่ประมาณการว่าหดตัวที่ร้อยละ -1.8 ธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบียนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.0 จากการประชุมในเดือน มิ.ย. 64 ทั้งนี้ ทางธนาคารกลางยุโรปได้ให้มุมมองเกี่ยวกับ อัตราเงินเฟ้อว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งภายในปีนี้ และปีหน้า อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานเป็นสำคัญ Malaysia ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย. 64 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 50.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 9.3 โดยการผลิตเร่งขึ้นอย่างรวดเร็วประกอบกับฐานต่ำเป็นสำคัญ รวมถึงยอดค้าปลีก เดือน เม.ย. 64 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 56.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 10.5 จากยอดขายทุกประเภทสินค้าและฐานต่ำเป็นสำคัญ สำหรับอัตรา การว่างงาน เดือน เม.ย. 64 อยู่ที่ร้อยละ 4.6 ของกำลังแรงงานรวม ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า Philippines ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ค. 64 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 154.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวที่ร้อยละ -73.3 จากการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในหลาย ๆ ประเภทที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้า เดือน เม.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 72.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 31.6 ด้านมูลค่าการนำเข้า เดือน เม.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 140.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 16.6 สำหรับอัตราการว่างงานไตรมาสที่ 2 ปี 64 อยู่ที่ร้อยละ 8.7 ของกำลังแรงงานรวม คงที่จากไตรมาสก่อนหน้า Indonesia ยอดค้าปลีก เดือน เม.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 15.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวที่ร้อยละ -14.6 จากยอดขายสินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่มและยาสูบ เป็นสำคัญ อีกทั้งดัชนีความเชื่อผู้บริโภค เดือน พ.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 104.4 จุด ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 101.5 จุด Taiwan มูลค่าการส่งออก เดือน พ.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 38.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 38.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการนำเข้า เดือน พ.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 40.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 26.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเป็นการขยายตัวที่สูงที่สุดในรอบ 15 เดือน ส่งผลให้ดุลการค้า เดือน พ.ค. 64 เกินดุลที่ 6.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ 6.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราเงินเฟ้อ เดือน พ.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 2.48 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 2.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 58 เป็นผลจากราคาสินค้าในกลุ่มการขนส่งและการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึนจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อย สอดคล้องกับ ตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น Nikkei225 (ญี่ปุ่น) JCI (อินโดนีเซีย) PSEi (ฟิลิปินส์) และSTOXX50E (สหภาพยุโรป) เป็นต้น ดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงปลายสัปดาห์ โดยเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 64 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,625.27 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยระหว่างวันที่ 7-10 มิ.ย. 64 อยู่ที่ 97,204.51 ล้านบาทต่อวัน โดยนักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนบัญชีหลักทรัพย์ เป็น ผู้ซื้อสุทธิ ขณะที่ นักลงทุนทั่วไปในประเทศ เป็นผู้ขายสุทธิ ทังนี ระหว่างวันที่ 7-10 มิ.ย. 64 ต่างชาติ ซือ หลักทรัพย์สุทธิ 1,999.09 ล้านบาทอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลโดยรวมปรับตัวลดลงในช่วง 0 ถึง -9 bps โดยในสัปดาห์นี้ นักลงทุนมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 11 ปี และ 51 ปี ซึ่งมีนักลงทุนสนใจ 3.13 และ 2.04 เท่าของวงเงินประมูล ตามลำดับ ทังนีระหว่างวันที่ 7-10 มิ.ย. 64 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้า ในตลาดพันธบัตรสุทธิ 13,917.73 ล้านบาท และหากนับจากต้นปีจนถึงวันที่ 10 มิ.ย. 64 กระแสเงินทุนของ นักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้า ตลาดพันธบัตรสุทธิ 50,692.44 ล้านบาท เงินบาทแข็งค่าขึนจากสัปดาห์ก่อน โดย ณ วันที่ 10 มิ.ย. 64 เงินบาทปิดที่ 31.14 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น ร้อยละ 0.04 จากสัปดาห์ก่อนหน้า สอดคล้องกับเงินสกุลอื่น ๆ อาทิ เงินสกุลเยน และริงกิต ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ เงินสกุลยูโร วอน ดอลลาร์สิงคโปร์ และหยวน ปรับตัวอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากกว่าเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) แข็งค่าขึนร้อยละ 0.06 จากสัปดาห์ก่อน
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง