เศรษฐกิจไทยเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 7.5 ต่อปี ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการลดลงร้อยละ -2.6 ต่อปี ในไตรมาสก่อนหน้าเดือน ก.ค. 64 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa: STV) นักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) และนักธุรกิจเดินทางเข้าประเทศจำนวน 18,056 คน ขยายตัวที่ร้อยละ 100.0 ต่อปี
เศรษฐกิจต่างประเทศGDP ยูโรโซนไตรมาสที่ 2ปี 64(ประมาณการครั้งที่ 2) ขยายตัวร้อยละ 13.6เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 7.5 ต่อปี ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการลดลงร้อยละ -2.6 ต่อปี ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2564 ขยายตัวจากไตรมาส 1 ปี 2564 ร้อยละ 0.4 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ขยายตัวได้ที่ร้อยละ 2.0 ต่อปีโดยเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองมีแรงสนับสนุนสำคัญจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ในระดับสูงที่ร้อยละ 30.7 ต่อปี ตามการเพิ่มขึ้นของทั้งปริมาณและราคาสินค้าส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มยานพาหนะ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และโลหะ สอดคล้องกับการฟืนตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 9.2 ต่อปี ตามการขยายตัวของการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สอดคล้องกับการขยายตัวเร่งขึ้นของภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการส่งออกสินค้า และการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 4.6ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน และแรงสนับสนุนจากมาตรการเยียวยาและกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ในส่วนของภาคการผลิต สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 16.8 ต่อปี โดยขยายตัวในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งสินค้าอุตสาหกรรมเบา วัตถุดิบ และสินค้าทุนและเทคโนโลยี การผลิตสาขาเกษตรกรรมขยายตัวร้อยละ 2.0 ต่อปี จากผลผลิตพืชหลักที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือก ยางพารา สับปะรด และมันสำปะหลัง ขณะที่การผลิตสาขาบริการขยายตัวร้อยละ 5.0 ต่อปี โดยสาขาบริการที่ขยายตัวดี ได้แก่ สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ขยายตัวร้อยละ 13.2 ต่อปี สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า ขยายตัวร้อยละ 11.6 ต่อปี สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร ขยายตัวร้อยละ 5.8ต่อปี และสาขาการขายส่งและการขายปลีก ขยายตัวร้อยละ 5.5ต่อปี
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย
เดือน ก.ค. 64 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนสูงสุดในรอบ 15เดือน จากอานิสงค์ของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ขณะที่การท่องเที่ยวของคนไทยยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ในประเทศซึ่งยังไม่คลี่คลาย ทำให้ตัวเลขจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ลดลงต่ำสุดในรอบ 14 เดือน
เดือน ก.ค. 64มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ (SpecialTouristVisa:STV)นักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (ThailandPrivilegeCard)และนักธุรกิจเดินทางเข้าประเทศจำนวน 18,056คน ขยายตัวที่ร้อยละ 100 ต่อปี สูงสุดในรอบ 15เดือน หลังจากการล็อกดาวน์ในเดือน เม.ย. 63 และเริ่มผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวชาวชาติชาติเข้ามาในเดือน ต.ค. 63โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจาก สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร อิสราเอล ฝรั่งเศส และเยอรมนี และในจำนวนนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาตามโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" 14,055คน ซึ่งโครงการดังกล่าวเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเขามาเที่ยว จ. ภูเก็ต โดยไม่ต้องกักตัวและเมื่อครบ 14วันแล้วก็สามารถเดินทางไปยังจังหวัดอื่น ๆ ได้
ขณะที่การท่องเที่ยวของชาวไทย สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยในเดือน ก.ค. อยู่ที่ 869,248 คน ลดลงต่ำสุดในรอบ 14เดือน และหดตัวที่ร้อยละ -91.3ต่อปี โดยมีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นในประเทศไทย ทำให้ ศบค. มีมติล็อกดาวน์พื้นที่เสี่ยงสูงตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 64 เป็นต้นมา ขณะที่วันที่ 21 ก.ค. 64 สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAATประกาศควบคุมเที่ยวบินเข้าออกพื้นที่สีแดงเข้ม โดยห้ามสายการบินพาณิชย์ทุกสายการบินให้บริการเที่ยวบินในประเทศทั้งหมดเบื้องต้น 14วัน ยกเว้นแต่เป็นเที่ยวบินที่เกี่ยวกับพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ หรือลงจอดกรณีฉุกเฉินเครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ
ผลผลิตอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.6จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 9.9จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3จากการผลิตที่ปรับตัวลดลงในกลุ่มสาธารณูปโภคและเหมืองแร่เป็นสำคัญดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน (NAHB)เดือน ส.ค. 64อยู่ที่ระดับ 75จุดลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 80จุด และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 1ปี จากสต็อกบ้านที่มีจำกัด ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งราคาบ้านและต้นทุนในการก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นยอดสร้างบ้านใหม่ เดือน ก.ค. 64หดตัวที่ร้อยละ -7.0จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล) ขณะที่เดือน มิ.ย. 64ขยายตัวที่ร้อยละ 3.5จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล) เป็นผลจากยอดสร้างคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยวที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี หากพิจารณาเทียบรายปีพบว่า ยอดสร้างบ้านใหม่ เดือน ก.ค. 64 ยังคงมีการขยายตัว แต่ในอัตราฐชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 2.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนสยอดใบอนุญาตก่อสร้างบ้านใหม่ เดือน ก.ค. 64 กลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 2.6จากเดือน ก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล)โดยยอดใบอนุญาตปรับตัวเพิ่มขึ้นสำหรับทาวน์โฮมส์และคอนโดมิเนียม และในเขตตะวันตก และตะวันตกกลางยอดค้าปลีก เดือน ก.ค. 64ขยายตัวที่ร้อยละ 15.8จากช่วงเดียวกันของปีก่อนชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 18.7จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการชะลอตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (8-14ส.ค. 64) อยู่ที่ 3.48แสนรายลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่อยู่ที่ 3.77แสนราย สะท้อนการทยอยฟืนตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19สายพันธุ์เดลตา ทั้งนี้ ยังคงเป็นระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่อยู่ที่ระดับ 2.3 แสนรายผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 8.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 63 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19สายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว รวมถึงราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น และปัญหาอุปทานติดขัดจยอดค้าปลีก เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 8.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 12.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในปี 64 จากการบริโภคที่ชะลอตัวลง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19ระลอกใหม่ในบางพื้นที่อัตราการว่างงาน เดือน ก.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 5.1 ของกำลังแรงงานรวมเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 5.0ของกำลังแรงงานรวมเครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศอัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.ค. 64 ปรับตัวลดลงอยู่ที่ร้อยละ -0.3 ต่อปี จากร้อยละ -0.5ต่อปี ในเดือน มิ.ย. 64เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 64 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของยอดขายในต่างประเทศที่เริ่มฟืนตัวอย่างต่อเนื่องมูลค่าการนำเข้า เดือน ก.ค. 64 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของ ปีก่อน เนื่องจากการฟืนตัวของอุปสงค์ภายในประเทศดุลการค้า เดือน ก.ค. 64 เกินดุลอยู่ที่ 441.02 พันล้านเยน เป็นผลมาจากการเพิ่มสูงขึ้นของมูลค่าการส่งออกที่อยู่ที่ 7,356พันล้านเยน ขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 6,915 พันล้านเยนGDPไตรมาสที่ 2 ปี 64 (ประมาณการครั้งที่ 2) ขยายตัวร้อยละ 13.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -1.3เนื่องจากมี การกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งและปัจจัยฐานที่ต่ำอัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขยายตัวมากกว่าเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.9โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ฟืนตัวและปัจจัยฐานต่ำ อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 3.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 0.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ เดือน ก.ย. 59 จากฐานต่ำ และมาตรการสนับสนุนค่าเช่าที่พักอาศัยของรัฐบาลอัตราการว่างงาน เดือน ก.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 5.0 ของกำลังแรงงานรวม ลดลงจากเดือน ก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 5.5 ของกำลังแรงงานรวม ซึ่งถือเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ ไตรมาสแรกของปี 63สะท้อนการฟืนตัวของตลาดแรงงาน ตามการฟืนตัวของเศรษฐกิจฮ่องกงมูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 16.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อนชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 22.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการนำเข้า เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 22.0 จากช่วงเดียวกันปีก่อนชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 28.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดุลการค้า เดือน ก.ค. 64 เกินดุลการค้าที่ 3.74 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ 4.64 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์) เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ
ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ 3.5ต่อปีมูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 29.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อนชะลอลงซจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 54.4จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โมูลค่าการนำเข้า เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 44.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อนชะลอลงอจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 60.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนดุลการค้า เดือน ก.ค. 64 เกินดุลการค้าที่ 2.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ 1.32พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)อัตราการว่างงาน เดือน ก.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 3.3 ของกำลังแรงงานรวม ลดลงจากเดือน ตลก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 3.7 ของกำลังแรงงานรวม ซึ่งถือเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 63ท่ามกลางการฟืนตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในบางเพื้นที่
เครื่องชี้ตลาดเงิน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนดัชนี SETปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อย สวนทางกับตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน เช่น HSI (ฮ่องกง) Nikkei225(ญี่ปุ่น) และ TWSE(ไต้หวัน) เป็นต้น เมื่อวันที่ 19ส.ค. 64 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,544.28จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยระหว่างวันที่ 16-19ส.ค. 64อยู่ที่ 80,092.55ล้านบาทต่อวัน โดย นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์เป็นผู้ซื้อสุทธิขณะที่นักลงทุนทั่วไปในประเทศและนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ขายสุทธิทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 16-19ส.ค. 64 ต่างชาติ ซื้อหลักทรัพย์สุทธิ 8.33ล้านบาทอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลโดยรวมปรับตัวลดลงในช่วง -1ถึง -4bpsโดยในสัปดาห์นี้นักลงทุนมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 6 และ 51 ปี ซึ่งมีนักลงทุนสนใจ 3.40 และ 2.14เท่าของวงเงินประมูล ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 16-19ส.ค. 64 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลออกจากตลาดพันธบัตรสุทธิ -4,464.06ล้านบาทและหากนับจากต้นปีจนถึงวันที่ 19ส.ค. 64 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าในตลาดพันธบัตรสุทธิ 80,780.47ล้านบาทเงินบาทอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อน โดย ณ วันที่ 19ส.ค. 64 เงินบาทปิดที่ 33.41บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงร้อยละ -0.08 จากสัปดาห์ก่อนหน้า สอดคล้องกับเงินสกุลยูโร ริงกิต วอน ดอลลาร์สิงคโปร์ และหยวน ที่ปรับตัวอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินสกุลเยน ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าลงน้อยกว่าเงินสกุลหลัก อื่น ๆ ในภูมิภาค ส่งผลให้ ดัชนีค่าเงินบาท (NEER)แข็งค่าขึ้นร้อยละ 0.13จากสัปดาห์ก่อน
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง