เศรษฐกิจไทย
เศรษฐกิจไทยมูลค่าการส่งออกในเดือน ก.ค. 64ขยายตัวที่ร้อยละ 20.3เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่มูลค่าการนำเข้าขยายตัวที่ร้อยละ 45.9เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือน ก.ค. 64หดตัวที่ร้อยละ -9.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือน ก.ค. 64 หดตัวร้อยละ -12.4เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในเดือน ก.ค. 64ขยายตัวที่ร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรกรรมขยายตัวที่ร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย
มูลค่าการนำเข้าในเดือน ก.ค. 64 มีมูลค่า 22,467ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวสูงที่ร้อยละ 45.9เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน สำหรับสินค้าสำคัญที่ยังคงเป็นปัจจัยหนุนการส่งออกในเดือนดังกล่าว อาทิรถยนต์และส่วนประกอบ (39%) เครื่องคอมฯ(19%)ผลิตภัณฑ์ยาง(16%)เม็ดพลาสติก(58%)เคมีภัณฑ์(54%)น้ำมันสำเร็จรูป(71%)แผงวงจรไฟฟ้า(26%)กลุ่มผักและผลไม้ฯ(80%)ยางพารา (121%)ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (62%)อาหารสัตว์เลี้ยง (17%)และผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ (8.4%)เป็นต้น เมื่อพิจารณาจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า มีการขยายตัวเกือบทุกตลาดสำคัญ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป อาเซียน และอินเดีย ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกในช่วง 7เดือนแรกของปี 64 ขยายตัวเฉลี่ยที่ร้อยละ 16.2ต่อปีจากการขยายตัวของกลุ่มสินค้านำเข้าสำคัญ เช่น น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า และสินแร่โลหะอื่น ๆ เป็นต้น ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าช่วง 7เดือนแรกของปี 64 ขยายตัวเฉลี่ยที่ร้อยละ 28.7ต่อปี สำหรับดุลการค้า ในเดือน ก.ค. 64 ยังคงเกินดุลที่มูลค่า 184ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการค้าสะสมของไทยในช่วง 7เดือนแรกของปี 64 เกินดุลมูลค่า 2,623 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือน ก.ค. 64 มีจำนวน 16,689 คัน หดตัวที่ร้อยละ -9.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล หดตัวที่ร้อยละ -13.3 ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือน ก.ค. 64 มีจำนวน 35,753 คัน หดตัวร้อยละ -12.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และหดตัวร้อยละ -14.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังปรับผลทางฤดูกาล ตามปริมาณการจำหน่ายรถกระบะ 1 ตัน ที่ หดตัวร้อยละ -15.0เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศที่รุนแรงและเป็น วงกว้าง ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ในช่วงนี้ ประกอบกับสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นจากสถานการณ์ หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ยังคงส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตยานยนต์อีกด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในประเทศกลับมาหดตัวในรอบ 5 เดือน โดยมีปัจจัยสำคัญจากการระบาดจาก COVID-19 รอบใหม่ที่รุนแรงและมีแนวโน้มคลี่คลายได้ช้ากว่ารอบก่อนหน้า ส่งผลให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายเงิน ขณะที่สถาบันการเงินได้เพิ่มความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น รวมถึงปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และชิ้นส่วนรถยนต์จากการระบาดของโควิด-19 ในประเทศและประเทศคู่ค้าที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งคาดว่าปัจจัยข้างต้น จะยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อยอดจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในระยะถัดไป อย่างไรก็ดี การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของรัฐบาลที่คาดว่าจะเริ่มในเดือน ก.ย. 64 น่าจะช่วยฟืนความเชื่อมั่นต่อการจับจ่ายได้มากขึ้น เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในเดือน ก.ค. 64ขยายตัวที่ร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลดัชนีราคาสินค้าเกษตรกรรมในเดือนก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นการหดตัวร้อยละ -6.5 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล หากพิจารณารายหมวดผลผลิตสินค้าเกษตรในเดือน ก.ค. 64พบว่า ผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมขยายตัวในหมวดพืชผลสำคัญและหมวดปศุสัตว์ที่ร้อยละ 10.8 และ 2.0 ตามลำดับ ขณะที่ผลผลิตในหมวดประมงหดตัวที่ร้อยละ -16.0 โดยสินค้าเกษตรสำคัญที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือก ยางพารา มันสำปะหลัง กลุ่มไม้ผล และและสุกร ขณะที่สินค้าสำคัญที่มีผลผลิตลดลง ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกุ้งขาวแวนนาไม
หากพิจารณารายหมวดราคาสินค้าเกษตรในเดือน ก.ค. 64พบว่า ดัชนีราคาสินค้าเกษตรขยายตัวในหมวดพืชผลสำคัญที่ร้อยละ 1.7 ขณะที่ราคาในหมวดปศุสัตว์และหมวดประมงหดตัวที่ร้อยละ-0.9 และ -7.0 ตามลำดับโดยสินค้าเกษตรสำคัญที่ราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และไข่ไก่ ขณะที่สินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือก กลุ่มไม้ผล และกุ้งขาว แวนนาไม
เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศยอดขายบ้านมือสอง เดือน ก.ค. 64ขยายตัวที่ร้อยละ 2.0จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล) เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 1.6จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล) เป็นผลจากยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในประเภทบ้านเดี่ยว ในเขต MidwestSouthและ West และหากพิจารณาเทียบรายปีพบว่า ยอดขายบ้านมือสอง เดือน ก.ค. 64 ยังคงมีการขยายตัว แต่ในอัตราชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 1.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนราคากลางบ้านมือสอง เดือน ก.ค. 64หดตัวที่ร้อยละ -0.8จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล)ขณะที่เดือนก่อนหน้าขยายตัวที่อยู่ที่ร้อยละ 3.5จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล) แต่หากพิจารณาเทียบรายปีพบว่า ราคาบ้านมือสอง เดือน ก.ค. 64 ยังคงมี การขยายตัว แต่ในอัตราชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 17.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนยอดขายบ้านใหม่ เดือน ก.ค. 64 กลับมาขยายตัวในรอบ 4เดือน ที่ร้อยละ 1.0จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล)หลังหดตัวในเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ -2.6จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล)โดยมียอดขายเพิ่มมากขึ้นในเขตSouthและWestแต่หากเทียบรายปีจะพบว่า ยอดขายบ้านใหม่ เดือน ก.ค. 64หดตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ร้อยละ -27.2จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (15-21ส.ค. 64) อยู่ที่ 3.53แสนรายกลับมาเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่อยู่ที่ 3.49แสนราย หลังปรับตัวลดลงต่อเนื่องติดต่อกัน 4สัปดาห์ ทั้งนี้ ยังเป็นระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่อยู่ที่ 2 แสนรายโดยตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงเผชิญกับการขาดแคลนแรงงาน และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19สายพันธุ์เดลต้า อย่างไรก็ดี ต้องรอติดตามสถานการณ์ในเดือน ก.ย. 64ที่โครงการสวัสดิการว่างงานจะสิ้นสุดลง และจะมีการเปิด ภาคการศึกษาใหม่ ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของตลาดแรงงานในสหรัฐฯดัชนี PMIภาคการผลิต เดือน ส.ค. 64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 52.4 จุด จาก 53.0จุด ในเดือน ก.ค. 64เนื่องจากผลผลิต และคำสั่งซื้อใหม่ขยายตัวในอัตราชะลอตัวลงดัชนี PMIภาคบริการ เดือน ส.ค. 64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 43.5 จุด จาก 47.4จุด ในเดือน ก.ค. 64เนื่องจากมาตรการข้อจำกัดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดขอโควิด-19
ดัชนี PMIภาคอุตสาหกรรม (เบื้องต้น)เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 61.5 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 62.8จุด อย่างไรก็ดี ระดับดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50จุด สะท้อนถึงภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวดัชนี PMIภาคบริการ (เบื้องต้น)เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 59.7 จุด ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ที่อยู่ที่ระดับ 59.8 จุดอย่างไรก็ดี ระดับดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50จุด แสดงให้เห็นถึงภาคบริการที่ยังคงขยายตัวดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ -5.3 จุด ลดลงจากเดือน ก.ค. 64 ที่อยู่ที่ระดับ -4.4จุด เนื่องจากภาคครัวเรือนมีความกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ป่วยโควิด-19ที่เพิ่มขึ้น เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 16.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 28.0เนื่องจากการผลิตของเครื่องจักรอุตสาหกรรมเป็นสำคัญอัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 2.4จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากราคาอาหารเป็นสำคัญ
มูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 5.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 27.2จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการนำเข้า เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 24.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 32.1จากช่วงเดียวกันของปีก่อนดุลการค้า เดือน ก.ค. 64 เกินดุลที่ 13.7 พันล้านริงกิตมาเลเซีย ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ 22.2 พันล้านริงกิตมาเลเซียอัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 3.4จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากราคาค่าขนส่งเป็นสำคัญมูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 26.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 33.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องจักรไฟฟ้า และเครื่องใช้สำนักงานและเครื่องประมวลผลอัตโนมัติ เป็นสำคัญมูลค่าการนำเข้า เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 26.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 31.9จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดุลการค้า เดือน ก.ค. 64 ขาดดุลที่ -34.9 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุลที่ -40.5พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง
ดัชนี PMIภาคการผลิต เดือน ส.ค. 64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 51.7 จุด จาก 56.9 จุด ในเดือน ก.ค. 64เนื่องจากผลผลิต และคำสั่งซื้อใหม่หดตัวลงดัชนี PMIภาคบริการ เดือน ส.ค. 64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 43.3 จุด จาก 44.2จุด ในเดือน ก.ค. 64เนื่องจากการขยายมาตรการข้อจำกัดในการควบคุมโควิด-19 ธนาคารกลางเกาหลีใต้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ร้อยละ 0.75 ต่อปี จากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ต่อปี เพื่อชะลออุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 102.5 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 103.2 จุด และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 64เนื่องจากประชาชนมีความกังวลกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศในอนาคตลดน้อยลง
เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศอัตราการว่างงาน เดือน ก.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 4.36 ของกำลังแรงงานรวม ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 4.7 ของกำลังแรงงานรวม โดยมีจำนวนผู้มีงานทำและอัตราการมีส่วนร่วมของกำลังแรงงานเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 13.93 จากช่วงเดียวกันของ ปีก่อน ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 18.00 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 5เดือน เป็นผลจากการผลิตที่ลดลงในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต เหมืองแร่ และการประปา เป็นสำคัญยอดค้าปลีก เดือน ก.ค. 64 หดตัวที่ร้อยละ -10.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ -13.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดค้าปลีกกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มเชื้อเพลิง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์สารสนเทศและ การสื่อสาร และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เป็นสำคัญ ดัชนี PMIภาคการผลิต เดือน ส.ค. 64 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 50.1 จุดจาก 60.4 จุด ในเดือน ก.ค. 64เนื่องจากการเติบโตที่ชะลอลงลงของกิจกรรมในโรงงานดัชนี PMIภาคบริการ เดือน ส.ค. 64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 55.5 จุด จาก 59.6จุด ในเดือน ก.ค. 64 เครื่องชี้ตลาดเงิน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อยสอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน เช่นNikkei225(ญี่ปุ่น) DJIA(สหรัฐอเมริกา) และ KLCI(มาเลเซีย) เป็นต้น เมื่อวันที่ 26ส.ค. 64 ดัชนีปิดที่ระดับ 1601.91จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยระหว่างวันที่ 23-26ส.ค. 64อยู่ที่ 97,365.29ล้านบาทต่อวันโดยนักลงทุนต่างชาตินักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์เป็นผู้ซื้อสุทธิขณะที่นักลงทุนทั่วไปในประเทศเป็นผู้ขายสุทธิทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 23-26ส.ค. 64 ต่างชาติ ซื้อหลักทรัพย์สุทธิ 7,402.84ล้านบาทอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 1 ถึง 11bpsโดยในสัปดาห์นี้นักลงทุนมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30ปี ซึ่งมีนักลงทุนสนใจ 2.71เท่าของวงเงินประมูล ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 23-26ส.ค. 64 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าใน ตลาดพันธบัตรสุทธิ 25,186.42ล้านบาทและหากนับจากต้นปีจนถึงวันที่ 26ส.ค. 64 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าใน ตลาดพันธบัตรสุทธิ 104,369.37ล้านบาทเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดย ณ วันที่ 26ส.ค. 64 เงินบาทปิดที่ 32.76บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นร้อยละ 1.94จากสัปดาห์ก่อนหน้า สอดคล้องกับเงินสกุลยูโร ริงกิต วอน ดอลลาร์สิงคโปร์ และหยวน ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินสกุลเยน ปรับตัวอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากกว่าเงินสกุลหลัก อื่น ๆ ในภูมิภาค ส่งผลให้ ดัชนีค่าเงินบาท (NEER)แข็งค่าขึ้นร้อยละ 1.70 จากสัปดาห์ก่อน
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง