เศรษฐกิจไทย
เศรษฐกิจไทยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) เดือน ต.ค. 64เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2ที่ระดับ 82.1จากระดับ 79.0ในเดือนก่อน
ภาคการเงินระดับสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ในเดือน ก.ย. 64คิดเป็น 1.87เท่าของสินทรัพย์สภาพคล่องที่ต้องดำรงตามกฎหมาย
เศรษฐกิจต่างประเทศGDP มาเลเซีย ไตรมาสที่ 3ปี 64หดตัวที่ร้อยละ -4.5จากช่วงเดียวกัน ปีก่อนGDP ฟิลิปปินส์ ไตรมาสที่ 3ปี 64ขยายตัวที่ร้อยละ 7.1จากช่วงเดียวกันปีก่อนGDPสหราชอาณาจักร ไตรมาสที่ 3 ปี 64 (เบื้องต้น)ขยายตัวร้อยละ 6.6จากช่วงเดียวกันปีก่อน เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI)เดือน ต.ค. 64 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ที่ระดับ 82.1 จากระดับ 79.0 ในเดือนก่อน
ดัชนีฯ เดือน ต.ค.64ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกขนาดอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาค ขณะที่องค์ประกอบของดัชนีฯ เพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ทั้งยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ยกเว้นต้นทุนประกอบการ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 เริ่มดีขึ้นจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลง และจำนวนผู้ได้รับวัคซีนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาครัฐ ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่องทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟืนตัว ประกอบกับอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่องทั้งสินค้าคงทนและสินค้าไม่คงทน อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักรกลและโลหะการ ไฟฟาและอิเล็กทรอนิกส์ฯ อาหาร และยา เป็นต้น อย่างไรก็ดี ราคาต้นทุนวัตถุดิบและราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น อาจจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง อีกทั้งความผันผวนของค่าเงินและปัญหาด้านค่าระวางเรือสูงยังเป็นปัจจัยกดดันต่อภาคการส่งออกได้เครื่องชี้ภาคการเงินระดับสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ในเดือน ก.ย. 64 คิดเป็น 1.87เท่าของสินทรัพย์ สภาพคล่องที่ต้องดำรงตามกฎหมาย
โดยยอดคงค้างสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบในเดือน ก.ย. 64 อยู่ที่ 5.1ล้านล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ธปท. ได้ปรับเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์จากเกณฑ์เดิมที่ต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 ของเงินรับฝากเป็นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 100 (หรือ 1.0 เท่า) ของประมาณการกระแสเงินสดไหลออกสุทธิในสภาวะวิกฤต (LiquidityCoverageRatio:LCR)ตั้งแต่เดือน ม.ค. 59 เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ
อัตราเงินเฟอ เดือน ต.ค. 64ขยายตัวที่ร้อยละ 6.2จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 5.4จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 33โดยได้รับแรงหนุนจากราคาพลังงาน ที่พักอาศัย อาหาร และยานพาหนะใหม่ ที่ฐปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นสำคัญสจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (31ต.ค. -6พ.ย. 64) อยู่ที่ระดับ 2.67แสนราย ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมี การแพร่ระบาดในสหรัฐฯ เมื่อเดือน มี.ค. 63เป็นผลจากการฟืนตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดแรงงานสหรัฐฯอัตราเงินเฟอ เดือน ต.ค. 64 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 0.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นระดับที่สูงที่สุดจนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 63 เนื่องจากราคาสินค้าที่ไม่ใช่อาหารปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในหมวด การขนส่งและการสื่อสาร เชื้อเพลิงและสาธารณูปโภค สินค้าและบริการในครัวเรือน และด้านสุขภาพ เป็นสำคัญดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน พ.ย. 64 อยู่ที่ระดับ 105.3 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค. 64 ที่อยู่ที่ระดับ 104.6จุด เนื่องจากรัฐบาลออสเตรเลียได้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมยโควิด-19มากขึ้นอัตราการว่างงาน เดือน ต.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 5.2 ของกำลังแรงงานรวม เพิ่มขึ้นจากเดือน สอก.ย. 64 ที่อยู่ที่ร้อยละ 4.6 ของกำลังแรงงานรวม เนื่องจากช่วงเดือน ต.ค. 64รัฐต่าง ๆ ในออสเตรเลียได้มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19สายพันธุ์เดลต้าGDPไตรมาสที่ 3 ปี 64 หดตัวที่ร้อยละ -4.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 16.1จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นการหดตัวที่ร้อยละ -3.6เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (หลังขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว)อัตราการว่างงาน เดือน ก.ย. 64 อยู่ที่ร้อยละ 4.5 ของกำลังแรงงานรวม ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.6ของกำลังแรงงานรวมาผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ปรับตัวดีมขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวที่ร้อยละ -0.7จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไฟฟาและอิเล็กทรอนิกส์เป็นสำคัญยอดค้าปลีก เดือน ก.ย. 64 หดตัวที่ร้อยละ -1.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หดตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวที่ร้อยละ -7.4จากช่วงเดียวกันปีก่อน เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ
อัตราการว่างงาน เดือน ต.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 3.2 ของกำลังงแรงงานรวมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2ติดต่อกัน และเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยอัตราการว่างงาน เดือน ก.ย. 64 อยู่ที่ร้อยละ 3.0ของกำลังแรงงานรวมมูลค่าการส่งออก เดือน ต.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 24.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 29.2จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในสินค้าเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งมูลค่าการนำเข้า เดือน ต.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 37.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 40.4จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการนำเข้าสินค้าในกลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟา ผลิตภัณฑ์แร่ และเคมีภัณฑ์ ที่เพิ่มมากขึ้นดุลการค้า เดือน ต.ค. 64 เกินดุลที่ 6.12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ 6.45พันล้านดอลลาร์สหรัฐดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ต.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 113.4 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 95.5จุด เนื่องจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เริ่มผ่อนคลายลงยอดค้าปลีก เดือน ก.ย. 64 หดตัวที่ร้อยละ -2.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หดตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวที่ร้อยละ -2.1จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์เป็นสำคัญ
GDP ไตรมาสที่ 3 ปี 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 7.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 12.0จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 3.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (หลังขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว)ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 122.7 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 527.3จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกลั่นเป็นสำคัญ
GDPไตรมาสที่ 3 ปี 64 (เบื้องต้น)ขยายตัวร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 23.6เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และขยายตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 6.8เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนผลผลิตอุตสาหกรรม เดือน ก.ย. 64 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอตัวลงจากเดือน ส.ค. 64ที่ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.0เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเป็นการขยายตัวที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 64
เครื่องชี้ตลาดเงิน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนดัชนี SETปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อยสอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน เช่น STI (สิงคโปร์) DJIA(สหรัฐอเมริกา) และ DAX(เยอรมนี) เป็นต้น เมื่อวันที่ 11พ.ย. 64 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,632.44จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยระหว่างวันที่ 8-11 พ.ย. 64อยู่ที่72,511.32 ล้านบาทต่อวันโดยนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ เป็นผู้ซื้อสุทธิขณะที่ นักลงทุนทั่วไปในประเทศ และนักลงทุนสถาบันในประเทศ เป็นผู้ขายสุทธิ ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 8-11พ.ย. 64 ต่างชาติ ซื้อหลักทรัพย์สุทธิ 3,424.35ล้านบาทอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลโดยรวมปรับตัวลดลงในช่วง -1ถึง -9bpsโดยในสัปดาห์นี้นักลงทุนมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 6และ 31ปี ซึ่งมีนักลงทุนสนใจ 1.63และ 1.67เท่าของวงเงินประมูล ตามลำดับ ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 8-11พ.ย. 64 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าในตลาดพันธบัตรสุทธิ 43,634.74ล้านบาทและหากนับจากต้นปีจนถึงวันที่ 11พ.ย. 64 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าในตลาดพันธบัตรสุทธิ 122,666.91 ล้านบาทเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดย ณ วันที่ 11พ.ย. 64 เงินบาทปิดที่ 32.88บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นร้อยละ 1.47จากสัปดาห์ก่อนหน้า สอดคล้องกับเงินสกุลเยน และวอน ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อน เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ เงินสกุลยูโร ริงกิตดอลลาร์สิงคโปร์ และหยวน ปรับตัวอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากกว่าเงินสกุลหลักอื่น ๆ ในภูมิภาค ส่งผลให้ ดัชนีค่าเงินบาท (NEER)แข็งค่าขึ้นร้อยละ 1.49จากสัปดาห์ก่อน
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง