?เศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม 2564 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะจากการบริโภคภาคเอกชน การท่องเที่ยวภายในประเทศและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ รวมถึงการส่งออกสินค้าที่ยังคงขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี
ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สายพันธุ์ Omicron อย่างใกล้ชิด"
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง พร้อมด้วยนายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษา
ด้านเศรษฐกิจการคลัง และนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนธันวาคม 2564 ว่า ?เศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม 2564 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะจากการบริโภคภาคเอกชน การท่องเที่ยวภายในประเทศและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ รวมถึงการส่งออกสินค้าที่ยังคงขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สายพันธุ์ Omicron อย่างใกล้ชิด" โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการบริโภค
สินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนธันวาคม 2564 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ที่ร้อยละ 16.6 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 4.8 สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 46.2 จากระดับ 44.9 ในเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ประชาชนและภาคธุรกิจ
มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ที่ขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกัน
ปีก่อนที่ร้อยละ 25.8 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 8.8 อย่างไรก็ดี ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -29.1 และรายได้เกษตรกรที่แท้จริงลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -4.2
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนธันวาคม 2564 ขยายตัวจากช่วงเดียวกัน
ปีก่อนที่ร้อยละ 1.5 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 1.3 การจำหน่ายรถยนต์
เชิงพาณิชย์ หดตัวในอัตราชะลอลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -10.4 ต่อปี แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 1.7 สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนธันวาคม 2564 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนเล็กน้อยที่ร้อยละ -0.2 แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 5.2 ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวที่ร้อยละ 7.8 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 2.1
มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มูลค่าการส่งออกสินค้ารวม
ในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 24,930.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 24.2 และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวร้อยละ 23.0 โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ 1) สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง แห้ง กระป๋องและแปรรูป และยางพารา ที่ขยายตัวร้อยละ 48.1 24.9 23.7 และ 22.7 ตามลำดับ 2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์ เครื่องใช้ภายในบ้าน อาทิ เตาอบไมโครเวฟ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ และโทรทัศน์และส่วนประกอบ 3) สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ ที่ยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 4) สินค้าขั้นกลางหรือสินค้าวัตถุดิบ เช่น เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และ 5) สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
ยังคงขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 45.0 ทั้งนี้เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า การส่งออกไปยังตลาดคู่ค้าหลักของไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในทุกตลาด โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดหลัก ได้แก่
ทวีปออสเตรเลีย สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 54.4 36.5 และ 35.0 ตามลำดับ
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยภาคอุตสาหกรรม
สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนธันวาคม 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 86.8 จากระดับ 85.4
ในเดือนก่อนหน้า ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงภาคการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับด้านบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนธันวาคม 2564
มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ นักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) นักธุรกิจ กลุ่มสุขภาพ
ที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยรวม จำนวน 230,497 คน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 21 เดือน
โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากเยอรมนี สหราชอาณาจักร รัสเซีย สหรัฐฯ และสวีเดน โดยได้รับปัจจัยสนับนุนจากมาตรการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศให้เข้ามาไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว (Test and Go) เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนธันวาคม 2564 จำนวน 15.95 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัว
จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 4.7 ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 31.8 ขณะที่ภาคเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนธันวาคม 2564 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 1.1 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -4.2 ตามการลดลงของผลผลิตสำคัญ อาทิ ข้าวเปลือก ข้าวโพด มันสำปะหลัง สุกร และไก่ อย่างไรก็ดี ผลผลิตอ้อยโรงงาน และปาล์มน้ำมัน
ยังคงขยายตัว
เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ร้อยละ 2.17 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.29 ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2564 อยู่ที่ร้อยละ 59.6
ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 อยู่ในระดับสูงที่ 246.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
?เศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม 2564 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะจากการบริโภคภาคเอกชน การท่องเที่ยวภายในประเทศและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ รวมถึงการส่งออกสินค้าที่ยังคงขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สายพันธุ์ Omicron
อย่างใกล้ชิด?
1. เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการบริโภค
สินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนธันวาคม 2564 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ที่ร้อยละ 16.6 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 4.8 สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 46.2 จากระดับ 44.9 ในเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ประชาชนและภาคธุรกิจ
มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ที่ขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกัน
ปีก่อนที่ร้อยละ 25.8 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 8.8 อย่างไรก็ดี ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -29.1 และรายได้เกษตรกรที่แท้จริงลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -4.2
เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชน 2563 2563 2564
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 พ.ย. ธ.ค. YTD
ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ (%YoY) ?6.8% 0.0% ?15.1% ?5.1% ?6.7% ?3.9% 22.4% 14.3% 17.6% 15.7% 25.8% 12.1%
%qoq_SA / %mom_SA 1.3% ?15.1% 8.9% -0.4% 4.5% 7.9% 2.0% 2.2% 5.0% 8.8%
ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง (%YoY) ?30.6% ?23.6% ?60.2% ?30.4% ?5.0% ?16.7% 33.2% -19.2% -17.7% -6.5% -29.1% -10.1%
%qoq_SA / %mom_SA 2.0% ?46.6% 58.3% 8.4% -8.7% -14.3% -4.9% 10.0% 10.1% -2.4%
ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ (%YoY) ?10.4% ?5.9% ?28.1% ?2.9% ?4.6% 1.2% 40.5% -21.4% 9.1% 20.2% 16.6% 4.8%
%qoq_SA / %mom_SA -1.3% ?26.3% 41.8% ?8.0% 5.1% 2.9% -21.2% 27.8% 22.4% 4.8%
ปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค (%YoY) ?10.1% ?2.2% ?16.6% ?11.3% ?10.6% 8.8% 26.0% 15.6% 15.9% 12.9% 8.3% 16.2%
%qoq_SA / %mom_SA ?8.2% ?11.7% 11.3% ?1.1% 12.1% 2.4% 1.8% -0.7% 0.5% 3.0%
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ระดับ) 52.6 60.8 48.2 50.4 51.1 48.6 44.6 40.6 45.0 44.9 46.2 44.7
รายได้เกษตรกรที่แท้จริง (%YoY) 2.9% ?5.6% ?6.1% 0.6% 16.3% 9.4% 14.7% -2.0% -8.3% -7.3% -4.2% 1.3%
2. เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนธันวาคม 2564 ขยายตัวจากช่วงเดียวกัน
ปีก่อนที่ร้อยละ 1.5 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 1.3 การจำหน่ายรถยนต์
เชิงพาณิชย์ หดตัวในอัตราชะลอลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -10.4 ต่อปี แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 1.7 สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนธันวาคม 2564 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนเล็กน้อยที่ร้อยละ -0.2 แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 5.2 ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวที่ร้อยละ 7.8 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 2.1
เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน 2563 2563 2564
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 พ.ย. ธ.ค. YTD
เครื่องชี้การลงทุนในเครื่องจักร
ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน (%YoY) ?10.3% ?3.9% ?17.0% ?15.3% ?4.9% 5.1% 25.0% 22.2% 10.0% 7.8% 1.5% 15.1%
%qoq_SA / %mom_SA ?4.9% ?10.4% 3.4% 7.7% 5.4% 6.5% 1.1% -3.2%. ?4.2% 1.3%
ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์(%YoY) ?15.1% ?24.4% ?44.2% ?1.3% 12.0% 5.9% 42.1% ?24.9% ?11.6% ?10.8% ?10.4% ?1.9%
%qoq_SA / %mom_SA ?4.9% ?26.6% 62.1% ?2.3% ?8.1% ?2.4% ?13.8% 13.5% 0.7% 1.7%
เครื่องชี้การลงทุนก่อสร้าง
ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ (%YoY) ?12.5% ?17.8% ?12.3% ?10.4% ?10.1% 5.0% 14.3% ?8.5% 2.5% 4.1% 7.8% 2.8%
%qoq_SA / %mom_SA ?10.4% ?6.7% 13.0% ?5.3% 5.2% 2.0% ?10.2% 5.9% 6.0% 2.1%
ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ (%YoY) ?0.5% ?4.3% 4.0% 1.6% ?3.1% 4.7% 1.3% ?9.4% ?1.0% ?4.9% ?0.2% ?1.0%
%qoq_SA / %mom_SA ?3.4% 5.1% ?1.5% ?3.1% 4.8% 0.9% ?11.5% 5.9% 2.0% 5.2%
ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง (%YoY) ?1.8% ?2.2% ?3.6% ?1.7% 0.4% 4.4% 9.7% 8.4% 9.8% 10.4% 8.9% 8.0%
3. การใช้จ่ายงบประมาณ การเบิกจ่ายงบประมาณ ในเดือนธันวาคม 2564 เบิกจ่ายได้รวม จำนวน 291.7
พันล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบันจำนวน 261.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ 238.4 พันล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 23.1 พันล้านบาท และเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 30.2 พันล้านบาท ทำให้ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2565 มีการเบิกจ่ายรวม 1,059.1 พันล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบันจำนวน 983.6
พันล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 886.6 พันล้านบาท รายจ่ายลงทุน 97.0 พันล้านบาท และการเบิกจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 75.5 พันล้านบาท
เครื่องชี้ภาคการคลัง FY2563 FY2564 FY2564 FY2565
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 พ.ย. ธ.ค. FYTD
รายจ่ายปีปัจจุบัน 2,943.9 3,012.2 938.5 612.9 677.0 783.7 983.6 228.6 261.5 983.6
%YoY 5.6 2.3 28.7 ?24.7 ?4.7 13.5 4.8 ?32.0 5.8 4.8
รายจ่ายประจำ 2,575.9 2,583.8 865.5 526.2 553.4 638.7 886.6 209.0 238.4 886.6
%YoY 7.3 0.3 23.0 ?29.9 ?8.2 23.0 2.4 ?30.4 6.9 2.4
รายจ่ายลงทุน 367.9 428.4 73.0 86.7 123.6 145.0 97.0 19.5 23.1 97.0
%YoY ?5.0 16.4 180.9 37.1 14.9 ?15.2 32.8 ?45.1 ?4.6 32.8
รายจ่ายปีก่อน 224.9 196.5 79.8 54.2 26.8 35.8 75.5 28.6 30.2 75.5
%YoY ?11.8 ?12.6 ?1.0 ?13.7 ?18.3 ?26.5 ?5.3 3.3 ?7.8 ?5.3
รายจ่ายรวม 3,168.7 3,208.7 1,018.3 667.0 703.8 819.5 1,059.1 257.2 291.7 1,059.1
%YoY 4.1 1.3 25.7 ?23.9 ?5.3 10.9 4.0 ?29.3 4.2 4.0
4. มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มูลค่าการส่งออกสินค้ารวม
ในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 24,930.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 24.2 และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวร้อยละ 23.0 โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ 1) สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง แห้ง กระป๋องและแปรรูป และยางพารา ที่ขยายตัวร้อยละ 48.1 24.9 23.7 และ 22.7 ตามลำดับ 2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์ เครื่องใช้ภายในบ้าน อาทิ เตาอบไมโครเวฟ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ และโทรทัศน์และส่วนประกอบ 3) สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ ที่ยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 4) สินค้าขั้นกลางหรือสินค้าวัตถุดิบ เช่น เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และ 5) สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
ยังคงขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 45.0 ทั้งนี้เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า การส่งออกไปยังตลาดคู่ค้าหลักของไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในทุกตลาด โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดหลัก ได้แก่
ทวีปออสเตรเลีย สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 54.4 36.5 และ 35.0 ตามลำดับ
ประเทศคู่ค้าหลัก 16 ประเทศ สัดส่วน
2564 2563 2563 2564
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 พ.ย. ธ.ค. YTD
ส่งออกไปทั้งโลก 100.0% -5.9% 1.2% -15.2% -7.7% -2.0% 2.1% 31.9% 15.3% 22.1% 24.7% 24.2% 17.1%
สหรัฐฯ 15.4% 9.6% -2.6% 8.9% 17.6% 16.0% 12.5% 30.4% 19.6% 24.3% 20.5% 36.5% 21.5%
จีน 13.7% 2.0% -0.9% 12.1% -0.2% -2.6% 20.6% 29.2% 32.2% 17.3% 24.3% 14.0% 24.8%
ญี่ปุ่น 9.2% -6.7% -5.5% -13.5% -12.2% 4.2% 6.2% 20.0% 15.4% -0.4% -0.1% 1.0% 9.6%
สหภาพยุโรป 8.3% -12.7% -4.0% -30.7% -12.6% -3.7% 8.5% 51.9% 14.1% 20.1% 29.0% 20.4% 21.5%
ทวีปออสเตรเลีย 4.8% -7.6% -4.0% -22.9% -12.9% 13.0% 21.2% 37.7% -6.9% 16.7% 9.4% 54.4% 15.5%
เวียดนาม 4.6% -7.9% -7.9% -21.0% -5.8% 3.6% 12.9% 44.6% -7.9% 5.0% 9.2% 4.1% 12.3%
มาเลเซีย 4.4% -15.7% -22.9% -32.0% -6.7% -0.6% 36.7% 73.2% 11.3% 40.2% 42.6% 39.4% 38.1%
ฮ่องกง 4.3% -3.6% 12.3% -8.6% -13.9% -2.0% -19.3% 16.3% 7.8% 9.2% 4.7% 23.5% 2.6%
สิงคโปร์ 3.3% 7.2% 38.1% -0.2% 4.3% -10.6% -37.4% -3.0% -2.5% 35.9% 91.4% 7.3% -5.3%
อินโดนีเซีย 3.3% -16.0% 22.4% -6.2% -45.9% -33.4% -26.1% -0.1% 91.4% 58.8% 56.5% 50.1% 16.2%
ตะวันออกกลาง 3.3% -13.2% 3.5% -22.2% -24.4% -10.3% 0.0% 41.8% 20.0% 34.5% 41.1% 29.6% 21.6%
อินเดีย 3.1% -25.2% -11.4% -67.2% -21.7% 9.0% 8.0% 181.5% 64.9% 47.5% 61.1% 25.9% 55.1%
ฟิลิปปินส์ 2.6% -27.0% -10.9% -47.0% -33.5% -17.0% 4.0% 84.2% 52.3% 40.5% 37.4% 50.9% 39.8%
แอฟริกา 2.5% -19.4% -15.5% -38.2% -17.0% -5.6% 11.2% 40.6% 25.3% 30.1% 18.4% 34.1% 25.8%
เกาหลีใต้ 2.2% -10.3% -4.9% -25.4% -7.1% -0.7% 19.5% 55.9% 51.3% 32.1% 30.6% 35.0% 38.5%
ไต้หวัน 1.7% -5.6% 13.5% -11.9% -14.7% -5.8% 9.8% 35.6% 27.2% 19.6% 24.2% 30.0% 22.7%
อาเซียน-9 24.0% -11.7% 4.2% -22.4% -14.9% -13.6% -5.5% 33.4% 18.3% 29.3% 33.4% 24.0% 17.2%
อาเซียน-5 13.7% -12.2% 5.3% -19.7% -19.0% -15.0% -10.2% 27.0% 26.5% 42.9% 55.1% 35.0% 19.4%
อินโดจีน-4 10.3% -11.1% 2.8% -25.9% -9.2% -12.0% 0.6% 42.3% 8.1% 13.4% 10.0% 11.4% 14.4%
5. เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยภาคอุตสาหกรรม
สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนธันวาคม 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 86.8 จากระดับ 85.4
ในเดือนก่อนหน้า ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงภาคการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับด้านบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนธันวาคม 2564
มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ นักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) นักธุรกิจ กลุ่มสุขภาพ
ที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยรวม จำนวน 230,497 คน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 21 เดือน
โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากเยอรมนี สหราชอาณาจักร รัสเซีย สหรัฐฯ และสวีเดน โดยได้รับปัจจัยสนับนุนจากมาตรการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศให้เข้ามาไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว (Test and Go) เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนธันวาคม 2564 จำนวน 15.95 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัว
จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 4.7 ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 31.8 ขณะที่ภาคเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนธันวาคม 2564 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 1.1 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -4.2 ตามการลดลง
ของผลผลิตสำคัญ อาทิ ข้าวเปลือก ข้าวโพด มันสำปะหลัง สุกร และไก่ อย่างไรก็ดี ผลผลิตอ้อยโรงงาน และปาล์มน้ำมัน
ยังคงขยายตัว
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทาน 2563 2563 2564
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 พ.ย. ธ.ค. YTD
ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม (%YoY) ?4.2% ?12.3% ?6.9% ?5.8% 4.5% 0.2% 4.7% 4.0% ?0.9% ?0.9% 1.1% 1.4%
%qoq_SA / %mom_SA ?5.0% 3.4% 1.1% 5.4% ?8.8% 7.7% 0.4% 0.4% 7.4% ?4.2%
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (%YoY) ?9.3% ?6.7% ?20.4% ?8.5% ?1.6% 0.8% 20.6% ?0.2% n.a. 4.8% n.a. 5.8%
%qoq_SA / %mom_SA -0.4% -14.1% 11.0% 3.3% 2.2% 3.0% -8.3% n.a. 2.6% n.a.
อัตราการใช้กำลัง
การผลิต (%) 61.0% 66.9% 52.8% 60.4% 63.8% 67.4% 62.7% 59.3% n.a. 65.8% n.a. 63.5%
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (ระดับ) 84.6 90.1 78.1 83.9 86.4 85.3 82.4 78.2 84.8 85.4 86.8 82.7
นักท่องเที่ยวต่างชาติ (%YoY) ?83.2% ?38.0% ?100.0% ?100.0% ?99.9% ?99.7% 100.0% 100.0% 3,060.5% 2,877.3% 3,415.8% -93.6%
%qoq_SA / %mom_SA 64.2% ?100.0% ?4.8% - -78.7% 683.4% 187.1% 567.3% 185.7% 100.7%
จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (%YoY) ?46.4% ?30.3% ?90.6% ?38.0% ?29.9% ?34.4% 88.3% ?87.8% -29.7% -30.9% 4.7% -41.7%
%qoq_SA / %mom_SA -19.2% -84.2% 329.1% 29.6% -19.5% -42.9% -65.5% 322.8% 72.5% 31.8%
6. เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ร้อยละ 2.17 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.29 ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2564 อยู่ที่ร้อยละ 59.6 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 อยู่ในระดับสูงที่ 246.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา: กระทรวงการคลัง