รายงานภาวะเศรษฐกิจรายสัปดาห์ (Weekly) ณ 4 มี.ค. 65

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 8, 2022 14:59 —กระทรวงการคลัง

เศรษฐกิจไทย

อัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.พ. 65 ขยายตัวที่ร้อยละ 5.28 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว

ที่ร้อยละ 1.80 ต่อปี

? ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือน ก.พ. 65 ขยายตัวร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ

ปีก่อน

? ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ม.ค. 65 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี

? ปริมาณการจาหน่ายเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กรวมภายในประเทศเดือน ม.ค. 65 หดตัวที่

ร้อยละ -17.5 ต่อปี

? มูลค่าการส่งออกในเดือน ม.ค. 65 ขยายตัวที่ร้อยละ 8.0 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

และมูลค่าการนาเข้าขยายตัวที่ร้อยละ 20.5 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

? หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ม.ค. 65 อยู่ที่ร้อยละ 59.88 ของ GDP

? ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ก.พ. 65 ขยายตัวที่ร้อยละ 14.4 เมื่อเทียบ

กับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เศรษฐกิจไทย

เศรษฐกิจต่างประเทศ

? GDP ออสเตรเลีย ไตรมาสที่ 4 ปี 64 ขยายตัวร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

? GDP เกาหลีใต้ไตรมาสที่ 4 ปี 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 4.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

? GDP อินเดีย ไตรมาสที่ 4 ปี 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 5.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ภาคการเงิน

? ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ม.ค. 65 ขาดดุลดุลที่ -2,204.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

? สินเชื่อในสถาบันการเงินเดือน ม.ค. 65 ขยายตัวร้อยละ 4.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน

และเงินฝากในสถาบันการเงินขยายตัวที่ร้อยละ 4.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย

3

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือน ก.พ. 65 ขยายตัวร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือน ก.พ. 65 ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 ยังคงมีสาเหตุหลักจากการสูงขึ้นของราคาต้นทุนวัตถุดิบเป็นสาคัญ ทั้งน้ามัน ถ่านหิน และเหล็ก ส่งผลให้ดัชนีฯ ทุกหมวดขยายตัว โดยเฉพาะหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ที่ขยายตัวในเดือน ก.พ. 65 ร้อยละ 14.1 ต่อปี ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 ส่งผลให้ต้นทุนของผู้ประกอบการก่อสร้างยังมีแนวโน้มสูงขึ้น และอาจส่งผลให้ต้องชะลอการลงทุนในบางโครงการลง ขณะที่ในระยะถัดไป ราคาวัสดุก่อสร้างคาดว่าจะยังคงตัวในระดับสูงตามราคาน้ามันในตลาดโลกจากสถานการณ์ความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครน

Construction Materials Price Index : CMI

6.7

-5

0

5

10

15

95

100

105

110

115

120

Jan-20

Apr-20

Jul-20

Oct-20

Jan-21

Apr-21

Jul-21

Oct-21

Jan-22

%YoY

Index

Index

%YoY

อัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.พ. 65 ขยายตัวที่ร้อยละ 5.285.28ต่อปี

สาเหตุสาคัญจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้าและน้ามันเชื้อเพลิง ตามราคาน้ามันเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สินค้าในกลุ่มอาหารโดยเฉพาะอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน อาทิ กับข้าวสาเร็จรูป อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง/ข้าวกล่อง มีการปรับราคาสูงขึ้นในเกือบทุกพื้นที่ตามต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น สาหรับเนื้อสุกรและผักสดแม้ว่าราคาจะยังคงสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ราคาลดลงจากเดือนก่อนหน้าค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม มีสินค้าสาคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ขณะที่ราคาสินค้าและบริการในหมวดอื่น ๆ ส่วนใหญ่ยังทรงตัว และเคลื่อนไหวสอดคล้องกับปริมาณผลผลิต และความต้องการในการบริโภคของประชาชน และเมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวที่ร้อยละ 1.80

เครื่องชี้ภาคการเงิน

ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ม.ค. 65 ขาดดุลดุลที่ -2 204 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐขาดดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุลที่ -1,378.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยดุลการค้า (ตามระบบ BOP) เกินดุลลดลงอย่างมีนัยสาคัญจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 596.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ขาดดุลลดงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ -2,800.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

4

ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย

สินเชื่อในสถาบันการเงินเดือน ม.ค. 65มียอดคงค้าง 19.8 ล้านล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 4.4.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน

เงินฝากในสถาบันการเงินเดือน ม.ค. 65มียอดคงค้าง 233.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 4.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน

หรือขยายตัวคงที่ที่ร้อยละ 0.3 จากเดือนก่อนหน้า (หลังขจัดผลทางฤดูกาล) เมื่อแยกประเภทการขอสินเชื่อพบว่า สินเชื่อเพื่อธุรกิจและสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคขยายตัวชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ 5.9 และ 3.3.2จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลาดับ

หรือหากขจัดผลทางฤดูกาลแล้วขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ 0.3 จากเดือนก่อนหน้า โดยเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 4.4และ 6.1จากช่วงเดียวกันปีก่อน

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ม.ค. 65 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี แต่หดตัวร้อยละ -1.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลของฤดูกาล

การขยายตัวของดัชนี MPIMPIในเดือน ม.ค. 64 เป็นผลมาจากการขยายตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมที่สาคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม อุตสาหกรรมชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ และ อุตสาหกรรมผลิตมอลต์และสุราที่ทาจากข้าวมอลต์ ที่ขยายตัวร้อยละ 9.2 16.8 5.1 9.4 และ 24.7 ต่อปี ตามลาดับ* ขณะที่อุตสาหกรรมที่หดตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ และชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ ที่หดตัวร้อยละ -20.0 -16.4 -18.3 -7.2 และ -15.5 ต่อปี ตามลาดับ* ((*เรียงตามสัดส่วนในMP I

Indicators

(%

yoy

2020

2021

2022

ทั้งปี

Q3

Q4

Dec

ทั้งปี

Jan

MPI ปริมาณการจาหน่ายเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กรวมภายในประเทศเดือน ม.ค. 65 หดตัวที่ ร้อยละ -17.5 ต่อปี และหดตัวร้อยละ -2.7เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังปรับผลทางฤดูกาล

ปริมาณการจาหน่ายเหล็กในประเทศเดือน ม.ค. 65 ยังหดตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยมีปัจจัยสาคัญมาจากการหดตัวของปริมาณจาหน่ายเหล็กที่ใช้ในภาคการก่อสร้างและอุตสาหกรรม อาทิ เหล็กเส้นข้ออ้อย เหล็กลวด เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน และเหล็กแผ่นรีดเย็น ที่หดตัวร้อยละ -13.5 -11.4 -22.3 และ -13.5 ต่อปี ตามลาดับ เหล็กทั้ง 4 ชนิดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ6060ของเหล็กที่จาหน่ายในประเทศทั้งหมด จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคก่อสร้าง และการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานส่งผลให้ต้นทุนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์เหล็กมีแนวโน้มชะลอลง

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย

มูลค่าการส่งออกในเดือน ม.ค. 655มีมูลค่า2121,259259ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นการขยายตัวที่ ร้อยละ 8.08.0เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนโดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11

การส่งออกของไทยในเดือนดังกล่าวไปยังกลุ่มตลาดสาคัญส่วนใหญ่ยังคงขยายตัวตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้จะขยายตัวในอัตราชะลอลงบ้าง จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-1919สายพันธุ์โอมิครอนที่รวดเร็วในหลายประเทศทั่วโลกที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของประเทศคู่ค้า ทั้งนี้ การส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ ยังคงขยายตัวได้ดี อาทิ ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 24.124.1ตลาดจีน ขยายตัวร้อยละ 6.86.8ตลาดอาเซียน 55ขยายตัวร้อยละ 13.213.2ตลาดอินเดีย ขยายตัวร้อยละ 31.931.9ตลาดสหราชอาณาจักร ขยายตัวร้อยละ 29.7 และตลาดเกาหลีใต้ ขยายตัวร้อยละ 26.8

มูลค่าการนาเข้าในเดือน ม.ค. 655มีมูลค่า 233,785785ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวที่ร้อยละ 20.520.5เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

ด้านดุลการค้าในเดือนดังกล่าว ขาดดุลมูลค่า 2,526.42,526.4ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เนื่องจากกรมศุลกากรมีการปรับปรุงรหัสสถิติสินค้าตามพิกัดศุลกากรเพื่อให้สอดคล้องกับพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์อาเซียน (AHTN) ฉบับปี 2022 กระทรวงพาณิชย์จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงและประมวลผลข้อมูลรายละเอียดโครงสร้างสินค้าส่งออกนาเข้าให้สอดคล้องกับรหัสสถิติสินค้าระบบพิกัดศุลกากรฉบับปัจจุบัน โดยคาดว่าจะสามารถเผยแพร่ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศได้อย่างสมบูรณ์ ในไตรมาสแรกของปี 2565

Indicators

(%y

o y)

2020

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย

7

หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ม.ค. 65 มีจานวนทั้งสิ้น 9,734,420 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 59.88 ของ GDPGDPและเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 90,163ล้านบาท

ทั้งนี้ สถานะหนี้สาธารณะของไทยถือว่ามีความมั่นคง สะท้อนได้จากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDPGDPยังอยู่ในระดับต่ากว่ากรอบวินัยในการบริหารหนี้สาธารณะที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 770 ของ GDPGDPและหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะยาว โดยแบ่งตามอายุคงเหลือคิดเป็นร้อยละ 85.6969ของยอดหนี้สาธารณะและเป็นหนี้ในประเทศคิดเป็นร้อยละ 98.22ของยอดหนี้สาธารณะ

ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ก.พ. 65 ขยายตัวที่ร้อยละ 14.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ขยายตัวที่ร้อยละ 7.8

ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นับตั้งแต่เดือน พ.ย. 64 โดยเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศที่คลี่คลายลง ประกอบกับรายได้ของเกษตรกรที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐที่เริ่มดาเนินการตั้งแต่เดือน ก.พ. 65ส่งผลให้กาลังซื้อปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ

ดัชนีฯ PMIPMIภาคอุตสาหกรรม (ISM) ก.พ. 65อยู่ที่ระดับ 58.6จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 57.5จุด

ดัชนีฯ PMIPMIนอกภาคอุตสาหกรรม (ISM) เดือน ก.พ. 2565 อยู่ที่ระดับ 56.5 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 59.9จุด

จานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (20-26 ก.พ. 6565) อยู่ที่ระดับ 2.15 แสนรายปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 22.33 แสนราย สอดคล้องกับจานวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน ระยะเฉลี่ย 4 สัปดาห์ 4 week moving average) ซึ่งขจัดความผันผวนรายสัปดาห์แล้ว ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 อยู่ที่ 2.30 แสนราย

สหรัฐฯ

8

ยูโรโซน

อัตราเงินเฟ้อ (เบื้องต้น) เดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 5.1ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นได้รับแรงหนุนจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นเป็นสาคัญ

อัตราการว่างงาน เดือน ม.ค. 65 อยู่ที่ร้อยละ 6.8 ของกาลังแรงงานรวม ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 7.0ของกาลังแรงงานรวม เนื่องจากมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุม โควิด-19มากขึ้น

จีน

ดัชนีฯ PMIPMIภาคอุตสาหกรรม (NBS) เดือน ก.พ 65 อยู่ที่ระดับ 50.2 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.1 จุด ถือเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันของการเติบโตของกิจกรรมโรงงาน ท่ามกลางผลกระทบตามฤดูกาลของวันหยุดเทศกาลตรุษจีนและการผลิตที่ชะลอตัวลงในช่วงโอลิมปิกฤดูหนาว

ดัชนีฯ PMIPMIภาคอุตสาหกรรม (Caixin) เดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ระดับ 50.4 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 49.1จุด เนื่องจากการส่งออกขยายตัวเป็นครั้งที่ 3ในช่วง 4เดือนที่ผ่านมา คาสั่งซื้อใหม่เติบโตสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย 64

ดัชนีฯ ภาคบริการ (Caixin) เดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ระดับ 50.2 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 51.4 จุด สะท้อนให้เห็นการระบาดของไวรัสโควิด-19และมาตรการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส โดยผลผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในขณะที่คาสั่งซื้อใหม่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6เดือน

มาเลเซีย

ดัชนีฯ PMIPMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ระดับ 50.9 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.5จุด

ธนาคารกลางมาเลเซียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.75ต่อปี

เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ

9

เวียดนาม

ดัชนีฯ PMIPMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ระดับ 54.3 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 53.7จุด

ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 65 ขยายตัวที่ร้อยละ 8.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 2.8จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการผลผลิตไฟฟ้าและแก๊สเป็นสาคัญ

อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. 64 อยู่ที่ร้อยละ 1.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 1.9จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากราคาบ้านและวัสดุก่อสร้างเป็นสาคัญ

ยอดค้าปลีก เดือน ก.พ. 64 อยู่ที่ร้อยละ 3.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.3จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากยอดขายที่พักและบริการอาหารเป็นสาคัญ

สิงคโปร์

ดัชนีฯ PMIPMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ระดับ 52.5 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 54.4จุด

ยอดค้าปลีก เดือน ก.พ. 64 อยู่ที่ร้อยละ 11.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 6.7จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากยอดขายเครื่องสาอางและยารักษาโรคเป็นสาคัญ

ออสเตรเลีย

ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.1 จากการประชุมในเดือน มี.ค. 65 โดยทางธนาคารกลางออสเตรเลียยังคงย้าว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนกว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่กรอบเป้าหมายที่ช่วงร้อยละ 2-3ในระยะปานกลาง

GDP

GDPไตรมาสที่ 4 ปี 64 ขยายตัวร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน

มูลค่าการส่งออก เดือน ม.ค. 65 ขยายตัวที่ร้อยละ 32.0 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 22.3จากช่วงเดียวกันปีก่อน

มูลค่าการนาเข้า เดือน ม.ค. 65 ขยายตัวที่ร้อยละ 22.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อนชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 23.4จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ดุลการค้า เดือน ม.ค. 65 เกินดุลที่ระดับ 12.3 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ระดับ 9.5พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

ฟิลิปปินส์

ดัชนีฯ PMI ภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ระดับ 52.8 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.0จุด

อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. 64 อยู่ที่ร้อยละ 3.0 จากช่วงเดียวกันปีก่อน คงที่จากเดือนก่อนหน้า

ดัชนีฯ PMIPMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ระดับ 51.2 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 53.7จุด

อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. 64 อยู่ที่ร้อยละ 2.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 2.2จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากราคาอาหาร เครื่องดื่มและยาสูบเป็นสาคัญ

เกาหลีใต้

GDPไตรมาสที่ 4 ปี 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 4.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 4.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 1.2เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (หลังขจัดผลทางฤดูการแล้ว) ส่งผลให้ทั้งปี 64เศรษฐกิจอินเดียขยายตัวที่ร้อยละ 4.0ต่อปี

ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 65 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 7.4จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่ากว่าคาดการณ์ของตลาดที่ร้อยละ 6.5จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ยอดค้าปลีก เดือน ก.พ. 65 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 6.8จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ร้อยละ 3.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 3.6จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าที่ร้อยละ 3.5เป็นผลมาจากต้นทุนด้านพลังงานเพิ่มขึ้นจากอุปทานที่ตึงตัว

ดัชนีฯ PMIPMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ 65 อยู่ที่ระดับ 53.8 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 52.8 จุด โดยได้แรงหนุนจากการผลิตรถยนต์และเซมิคอนดักเตอร์

มูลค่าการส่งออก เดือน ก.พ. 65 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 20.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 15.2จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกชิป ยานยนต์ และสินค้าสาคัญอื่น ๆ เพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

มูลค่าการนาเข้า เดือน ก.พ. 65 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 25.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 35.3จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุปสงค์ในประเทศยังคงทรงตัวตามการเร่งตัวของวัคซีนโควิด-19

ดุลการค้า เดือน ก.พ. 65 เกินดุลที่ 0.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุลที่ -4.83พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการนาเข้าเติบโตเร็วกว่าการส่งออกดัชนีฯ PMIPMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ 65 อยู่ที่ระดับ 54.3 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 55.1จุด เนื่องจากการเติบโตของผลผลิตลดลงต่าสุดในรอบ 3เดือน ขณะที่การเติบโตของคาสั่งซื้อใหม่ชะลอตัวลงต่าสุดในรอบ 5เดือน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ระดับ 73.19 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 73.67จุด มุมมองของครัวเรือนต่อความคาดหวังเกี่ยวกับราคาลดลงในช่วง 6เดือนข้างหน้า

อินเดีย

GDP

GDPไตรมาสที่ 4 ปี 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 5.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 8.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 12.7เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (หลังขจัดผลทางฤดูการแล้ว) ส่งผลให้ทั้งปี 64เศรษฐกิจอินเดียขยายตัวที่ร้อยละ 8.2ต่อปี

ดัชนีฯ PMIPMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ 65 อยู่ที่ระดับ 54.9 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 54.0 จุด เนื่องจากผลผลิตและคาสั่งซื้อใหม่ขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น ความต้องการจากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 3เดือน และกิจกรรมการซื้อยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

เครื่องชี้ตลาดเงิน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

Foreign

E xchange 3

Mar 22 1w %

chg 1m %

chg YTD %

chg Avg

2021 % chg

USD/THB

32.54

-

0.27 1.87

2.53

-

1.67

USD/JPY

115.73

-

0.97 -

0.99 -

0.53 -

5.34

EUR/USD

1.11

-

0.78 -

1.86 -

2.46 -

6.35

USD/MYR

4.19

0.13

-

0.22 -

0.47 -

1.09

USD/KRW

1,205.00

-

1.08 0.06

-

1.64 -

5.29

USD/SGD

1.36

-

0.35 -

0.67 -

0.39 -

0.92

USD/CNY

6.30

0.42

1.15

1.16

2.32

NEER

110.33

-

0.12 2.11

2.99

0.06

ค่าเงินสกุลต่างๆ เครื่องหมาย + คือแข็งค่าขึ้น และเครื่องหมาย -คืออ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดัชนีค่าเงินบาท (NEER) แข็งค่าขึ้น (+) หรืออ่อนค่าลง (-) ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวโดยคิดเป็นอัตราร้อยละ

ดัชนี SETSETปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนสอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน เช่น Nikkei 225 ญี่ปุ่น)HSI ( ฮ่องกง) และ DJIA ( สหรัฐอเมริกา) เป็นต้น เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 655ดัชนีปิดที่ระดับ 1,696.08 ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-3 มี.ค. 655อยู่ที่ 101,655.79ล้านบาทต่อวัน โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ ขณะที่ นักลงทุนทั่วไปในประเทศ นักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ เป็นผู้ขายสุทธิ ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-3 มี.ค. 655นักลงทุนต่างชาติ ซื้อหลักทรัพย์สุทธิ 14,131.95ล้านบาท

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุโดยรวมปรับตัวลดลงในช่วง -1 ถึง -9 bpsbpsโดยในสัปดาห์นี้นักลงทุนมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1111ปี ซึ่งมีนักลงทุนสนใจ 2.172.17เท่าของวงเงินประมูล ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 228 ก.พ.-3 มี.ค. 655กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลออกจากตลาดพันธบัตรสุทธิ -28,853.85 ล้านบาทและหากนับจากต้นปีจนถึงวันที่ 3 มี.ค. 6565กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าในตลาดพันธบัตรสุทธิ 100,308.09ล้านบาท

เงินบาทอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อน โดย ณ วันที่ 33มี.ค. 655เงินบาทปิดที่ 32.5.54 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงร้อยละ 00.277จากสัปดาห์ก่อนหน้า สอดคล้องกับเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค อาทิ เงินสกุลเยน ยูโร วอน และดอลลาร์สิงคโปร์ ที่ปรับตัวอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินสกุลริงกิตและหยวน ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่ามากกว่าเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEERNEER)อ่อนค่าลงร้อยละ 00.12 จากสัปดาห์ก่อน

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ