นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้แถลงข่าวรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนกุมภาพันธ์สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากอุปสงค์ภายในประเทศผ่านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ในระดับสูง ในขณะที่อุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกยังคงขยายตัวได้ดี ส่วนการนำเข้าปรับตัวดีขึ้นมากตามอุปสงค์ภายในประเทศ ในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังจะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
1. การบริโภคภาคเอกชนในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวได้ในระดับสูง โดยเครื่องชี้การบริโภคจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (ณ ราคาคงที่) ในเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวร้อยละ 6.9 ต่อปี ขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าจะชะลอลงจากเดือนมกราคมที่ขยายตัวร้อยละ 12.4 ต่อปี เนื่องจากฐานภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจากการนำเข้าในเดือนมกราคมที่สูงเป็นพิเศษจากการนำเข้าสินค้ารายการพิเศษ เช่น เครื่องบินและแท่นขุดเจาะ ในขณะที่เครื่องชี้
การบริโภคด้านสินค้าคงทนมีการขยายตัวสูงมาก โดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 44.9 ต่อปี อันเป็นผลจากรายได้ของประชาชนที่ปรับตัวดีขึ้นตามการปรับขึ้นเงินเดือน และการปรับลดภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้ E20 เป็นเชื้อเพลิงซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม ทำให้ยอดขายรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์เดือนกุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งเป็นเครื่องชี้การบริโภคสินค้าคงทนในระดับฐานรากกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 12 เดือน ที่ร้อยละ 5.6 ต่อปี จากที่หดตัวมาโดยตลอดในปี 2550 เนื่องจากรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนกุมภาพันธ์ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 72.6 จุด สะท้อนแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น ตามสถานการณ์ทางการเมืองที่ดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และการคาดการณ์ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น
2. การลงทุนภาคเอกชนในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรที่วัดจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องที่ร้อยละ 23.4 ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวของสินค้าผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรกล และเครื่องจักรไฟฟ้าเป็นหลัก ในขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวดีต่อเนื่องที่ร้อยละ 15.9 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมที่ขยายตัวร้อยละ 8.8 ต่อปี บ่งชี้ว่าการลงทุนภาคเอกชนด้านการก่อสร้างเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ 1.3 ต่อปี ลดลงจากเดือนมกราคมที่ขยายตัวร้อยละ 11.4 ต่อปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานที่ต่ำในเดือนมกราคม 2550 ทำอัตราการขยายตัวในเดือนมกราคม 2551 อยู่ในระดับสูง
3. เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจด้านการคลังในเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2551 ด้านการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลขยายตัวดีขึ้นซึ่งสะท้อนถึงเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น โดยรายได้สุทธิรัฐบาลในเดือน กุมภาพันธ์ 2551 สามารถจัดเก็บได้สุทธิ 113.5 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.5 ต่อปี ขณะที่รายได้ภาษีของรัฐบาลจาก 3 กรมจัดเก็บซึ่งสะท้อนภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 113.4 พันล้านบาท ขยายตัวที่ร้อยละ 8.6 ต่อปี ทั้งนี้ รายได้จัดเก็บจากภาษีฐานรายได้อยู่ที่ 32.3 พันล้านบาท ขยายตัวสูงขึ้นที่ร้อยละ 13.9 ต่อปี สะท้อนถึงรายได้ของประชาชนและผู้ประกอบการที่ยังคงขยายตัวดีขึ้น ในด้านภาษีฐานการบริโภคอยู่ที่ 39.4 พันล้านบาท ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 11.0 ต่อปี สะท้อนการบริโภคและการนำเข้าที่ยังคงขยายตัวดี ขณะที่รายจ่ายงบประมาณในเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2551 สามารถเบิกจ่ายได้รวมทั้งสิ้น 118.7 พันล้านบาท หดตัวในระดับสูงที่ร้อยละ -40.8 ต่อปี เนื่องจากฐานที่สูงมากจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2550 หลังจากที่การอนุมัติงบประมาณที่ล่าช้าในช่วง 4 เดือนแรกของงบประมาณ 2550 อย่างไรก็ตาม การเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 ยังคงขยายตัวที่ร้อยละ 12.2 ต่อปี ซึ่งสะท้อนบทบาทนโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
4. การส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ยังคงขยายตัวในระดับสูง แม้ว่าจะชะลอลงจากเดือนก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ เดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวร้อยละ 16.4 ต่อปี ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 33.3 ต่อปี เนื่องจากการส่งออกสินค้าสำคัญ เช่นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจรไฟฟ้า รถยนต์ รวมถึงอุปกรณ์และส่วนประกอบขยายตัวชะลอลง เนื่องจากความต้องการของสินค้าดังกล่าวในตลาดต่างประเทศเริ่มลดลงตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้าในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2551 จะพบว่ายังคงขยายตัวได้ในระดับสูงที่ร้อยละ 24.6 ต่อปี สำหรับการนำเข้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ยังคงขยายตัวได้ดีตามการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยการนำเข้าในเดือนกุมภาพันธ์ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 13.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 33.1 ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวถึงร้อยละ 49.1 ต่อปี เนื่องจากในเดือนมกราคม 2551 มีการนำเข้าสินค้ารายการพิเศษ ได้แก่ เครื่องบินและแท่นขุดเจาะ อย่างไรก็ตาม การลงทุนและการผลิตภาคเอกชนที่ฟื้นตัวขึ้นทำให้มูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนและมูลค่านำเข้าวัตถุดิบยังคงขยายตัวในระดับสูง ประกอบกับมูลค่าการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงยังคงขยายตัวสูงตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับ ดุลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ขาดดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่สองที่ -0.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมูลค่าการนำเข้าที่ขยายตัวในระดับสูง ทำให้มูลค่าการนำเข้าสูงกว่ามูลค่าการส่งออก
5. สำหรับเครื่องชี้ในด้านอุปทานในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 พบว่า ภาคการเกษตรและภาคบริการจากการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวที่ร้อยละ 12.4 ต่อปี เร่งตัวขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.5 ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวของพืชสำคัญ ได้แก่ ข้าวนาปี มันสำปะหลัง อ้อยและปาล์มน้ำมัน ซึ่งสอดคล้องกับราคาสินค้าเกษตรยังมีการขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 11.6 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ10.2 ต่อปี และความต้องการสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะพืชพลังงานทดแทน ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคบริการจากการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์มีจำนวน 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 17.4 ต่อปี เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้นช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ประกอบกับฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมพบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม ขยายตัวที่ร้อยละ 12.1 ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 13.6 ต่อปี เนื่องจากสินค้าอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกเริ่มมีการผลิตที่ชะลอลงตามทิศทางเศรษฐกิจโลก
6. เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยในด้านเสถียรภาพภายนอกนั้น ทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาอยู่ที่ 100.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 92.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นหลายเท่าตัว ขณะที่เสถียรภาพในประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 5.4 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 4.3 ต่อปี เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าในหมวดอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับอัตราการว่างงานเดือนมกราคม 2551 ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.7 ของกำลังแรงงานรวม แต่ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 0.8 ของกำลังแรงงานรวม เนื่องจากการลดลงของการจ้างงานในภาคเกษตรอันเนื่องมาจากสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว และภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มลดลง สำหรับสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ณ เดือนมกราคม 2551 อยู่ที่ร้อยละ 36.3 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า และยังคงต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ร้อยละ 50.0 ของ GDP ค่อนข้างมาก
--ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฉบับที่ 6/2551 26 มีนาคม 2551--
1. การบริโภคภาคเอกชนในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวได้ในระดับสูง โดยเครื่องชี้การบริโภคจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (ณ ราคาคงที่) ในเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวร้อยละ 6.9 ต่อปี ขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าจะชะลอลงจากเดือนมกราคมที่ขยายตัวร้อยละ 12.4 ต่อปี เนื่องจากฐานภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจากการนำเข้าในเดือนมกราคมที่สูงเป็นพิเศษจากการนำเข้าสินค้ารายการพิเศษ เช่น เครื่องบินและแท่นขุดเจาะ ในขณะที่เครื่องชี้
การบริโภคด้านสินค้าคงทนมีการขยายตัวสูงมาก โดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 44.9 ต่อปี อันเป็นผลจากรายได้ของประชาชนที่ปรับตัวดีขึ้นตามการปรับขึ้นเงินเดือน และการปรับลดภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้ E20 เป็นเชื้อเพลิงซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม ทำให้ยอดขายรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์เดือนกุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งเป็นเครื่องชี้การบริโภคสินค้าคงทนในระดับฐานรากกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 12 เดือน ที่ร้อยละ 5.6 ต่อปี จากที่หดตัวมาโดยตลอดในปี 2550 เนื่องจากรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนกุมภาพันธ์ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 72.6 จุด สะท้อนแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น ตามสถานการณ์ทางการเมืองที่ดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และการคาดการณ์ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น
2. การลงทุนภาคเอกชนในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรที่วัดจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องที่ร้อยละ 23.4 ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวของสินค้าผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรกล และเครื่องจักรไฟฟ้าเป็นหลัก ในขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวดีต่อเนื่องที่ร้อยละ 15.9 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมที่ขยายตัวร้อยละ 8.8 ต่อปี บ่งชี้ว่าการลงทุนภาคเอกชนด้านการก่อสร้างเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ 1.3 ต่อปี ลดลงจากเดือนมกราคมที่ขยายตัวร้อยละ 11.4 ต่อปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานที่ต่ำในเดือนมกราคม 2550 ทำอัตราการขยายตัวในเดือนมกราคม 2551 อยู่ในระดับสูง
3. เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจด้านการคลังในเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2551 ด้านการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลขยายตัวดีขึ้นซึ่งสะท้อนถึงเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น โดยรายได้สุทธิรัฐบาลในเดือน กุมภาพันธ์ 2551 สามารถจัดเก็บได้สุทธิ 113.5 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.5 ต่อปี ขณะที่รายได้ภาษีของรัฐบาลจาก 3 กรมจัดเก็บซึ่งสะท้อนภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 113.4 พันล้านบาท ขยายตัวที่ร้อยละ 8.6 ต่อปี ทั้งนี้ รายได้จัดเก็บจากภาษีฐานรายได้อยู่ที่ 32.3 พันล้านบาท ขยายตัวสูงขึ้นที่ร้อยละ 13.9 ต่อปี สะท้อนถึงรายได้ของประชาชนและผู้ประกอบการที่ยังคงขยายตัวดีขึ้น ในด้านภาษีฐานการบริโภคอยู่ที่ 39.4 พันล้านบาท ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 11.0 ต่อปี สะท้อนการบริโภคและการนำเข้าที่ยังคงขยายตัวดี ขณะที่รายจ่ายงบประมาณในเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2551 สามารถเบิกจ่ายได้รวมทั้งสิ้น 118.7 พันล้านบาท หดตัวในระดับสูงที่ร้อยละ -40.8 ต่อปี เนื่องจากฐานที่สูงมากจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2550 หลังจากที่การอนุมัติงบประมาณที่ล่าช้าในช่วง 4 เดือนแรกของงบประมาณ 2550 อย่างไรก็ตาม การเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 ยังคงขยายตัวที่ร้อยละ 12.2 ต่อปี ซึ่งสะท้อนบทบาทนโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
4. การส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ยังคงขยายตัวในระดับสูง แม้ว่าจะชะลอลงจากเดือนก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ เดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวร้อยละ 16.4 ต่อปี ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 33.3 ต่อปี เนื่องจากการส่งออกสินค้าสำคัญ เช่นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจรไฟฟ้า รถยนต์ รวมถึงอุปกรณ์และส่วนประกอบขยายตัวชะลอลง เนื่องจากความต้องการของสินค้าดังกล่าวในตลาดต่างประเทศเริ่มลดลงตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้าในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2551 จะพบว่ายังคงขยายตัวได้ในระดับสูงที่ร้อยละ 24.6 ต่อปี สำหรับการนำเข้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ยังคงขยายตัวได้ดีตามการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยการนำเข้าในเดือนกุมภาพันธ์ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 13.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 33.1 ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวถึงร้อยละ 49.1 ต่อปี เนื่องจากในเดือนมกราคม 2551 มีการนำเข้าสินค้ารายการพิเศษ ได้แก่ เครื่องบินและแท่นขุดเจาะ อย่างไรก็ตาม การลงทุนและการผลิตภาคเอกชนที่ฟื้นตัวขึ้นทำให้มูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนและมูลค่านำเข้าวัตถุดิบยังคงขยายตัวในระดับสูง ประกอบกับมูลค่าการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงยังคงขยายตัวสูงตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับ ดุลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ขาดดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่สองที่ -0.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมูลค่าการนำเข้าที่ขยายตัวในระดับสูง ทำให้มูลค่าการนำเข้าสูงกว่ามูลค่าการส่งออก
5. สำหรับเครื่องชี้ในด้านอุปทานในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 พบว่า ภาคการเกษตรและภาคบริการจากการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวที่ร้อยละ 12.4 ต่อปี เร่งตัวขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.5 ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวของพืชสำคัญ ได้แก่ ข้าวนาปี มันสำปะหลัง อ้อยและปาล์มน้ำมัน ซึ่งสอดคล้องกับราคาสินค้าเกษตรยังมีการขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 11.6 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ10.2 ต่อปี และความต้องการสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะพืชพลังงานทดแทน ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคบริการจากการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์มีจำนวน 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 17.4 ต่อปี เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้นช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ประกอบกับฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมพบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม ขยายตัวที่ร้อยละ 12.1 ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 13.6 ต่อปี เนื่องจากสินค้าอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกเริ่มมีการผลิตที่ชะลอลงตามทิศทางเศรษฐกิจโลก
6. เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยในด้านเสถียรภาพภายนอกนั้น ทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาอยู่ที่ 100.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 92.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นหลายเท่าตัว ขณะที่เสถียรภาพในประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 5.4 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 4.3 ต่อปี เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าในหมวดอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับอัตราการว่างงานเดือนมกราคม 2551 ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.7 ของกำลังแรงงานรวม แต่ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 0.8 ของกำลังแรงงานรวม เนื่องจากการลดลงของการจ้างงานในภาคเกษตรอันเนื่องมาจากสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว และภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มลดลง สำหรับสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ณ เดือนมกราคม 2551 อยู่ที่ร้อยละ 36.3 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า และยังคงต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ร้อยละ 50.0 ของ GDP ค่อนข้างมาก
--ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฉบับที่ 6/2551 26 มีนาคม 2551--