ฉบับที่ 09/2566 วันที่ 19 มกราคม 2566
การประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2566
วันที่ 18 มกราคม 2566 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในห้วงการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2566 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เข้าร่วมการเสวนาในฐานะผู้เสวนาหลัก (Lead Speaker) ภายใต้หัวข้อการขยายตัวทางการคลัง (Fiscal Expansion: A welcome Return or Ticking Bomb?) และการเสวนาหัวข้อบทบาทของผู้นำอาเซียนในการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม (ASEAN Leaders for Just Energy Transitions)
โดยมีผลการเสวนา สรุปได้ ดังนี้
1. การเสวนาหัวข้อการขยายตัวทางการคลัง ผู้เข้าร่วมการเสวนาได้แลกเปลี่ยนมุมมองในการสร้างสมดุลระหว่างการดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้กู้ยืมเงินเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งการรักษาเสถียรภาพในนโยบายการเงินทำให้นโยบายการคลังสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้คลี่คลายลง การดำเนินนโยบายการเงินและการคลังได้กลับมาสู่ภาวะปกติอีกครั้ง กล่าวคือ มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และมุ่งเน้นการชำระหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นจากการกู้ยืมดังกล่าว ส่วนการใช้มาตรการด้านการคลังนั้น ยังคงเป็นไปเพื่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเน้นการรักษาดุลการคลังให้อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ผ่านการพัฒนาการจัดเก็บรายได้และปฏิรูปภาษีไปพร้อมกัน นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำถึงการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารกลาง เช่น การกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อร่วมกัน โดยยังคงต้องรักษาเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นต้น ทั้งนี้ ในการกำหนดนโยบายการคลัง ควรพิจารณารักษาวินัยทางการคลัง โดยเป็นไปตามกฎหมายด้านการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด
2. การเสวนาหัวข้อบทบาทของผู้นำอาเซียนในการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม การเสวนาเป็น
การแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนของอาเซียน เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงาน
ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยให้ความช่วยเหลือแก่ชุมชนหรือผู้ประกอบการที่ยังต้องพึ่งพาพลังงานแบบดั้งเดิมอยู่ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวเน้นย้ำการให้ความสำคัญต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมของไทย โดยไทยได้ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน
ปี 2608 รวมถึงได้ปรับปรุงเป้าหมายการดำเนินงานในการลดก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Nationally determined contributions: NDCs) อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการผลักดันโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ หมุนเวียน และสีเขียว (Bio-Circular-Green (BCG) Economy Model) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ได้กล่าวถึงบทบาทของกระทรวงการคลังในการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว อาทิ การระดมทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Finance) ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Bond) หรือตราสารหนี้ข้ามพรมแดน และการออกมาตรการเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานด้วย
กองนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร 0-2273-9020 ต่อ 3684
ที่มา: กระทรวงการคลัง