ฉบับที่ 14/2566 วันที่ 24 มกราคม 2566 ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ. .... ของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตรา การจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ. .... (ร่างกฎกระทรวงฯ) ของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยร่างกฎกระทรวงฯ ได้ปรับเพิ่มจำนวนเงินสะสมสูงสุดของสมาชิก และจำนวนเงินสมทบ สูงสุดที่รัฐบาลจ่ายให้สมาชิก รวมทั้งกำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ดังนี้ 1. ปรับเพิ่มจำนวนเงินสะสมสูงสุดของสมาชิก 2. ปรับเพิ่มจำนวนเงินสมทบสูงสุดจากรัฐบาล อายุสมาชิก อัตราส่วนเงินสมทบ ต่อเงินสะสม * จำนวนเงินสมทบสูงสุดจากรัฐบาล ปรับเพิ่มเงินสะสมสูงสุด จากปัจจุบัน 13,200 บาท ต่อปี เป็น 30,000 บาทต่อปีโดยรับประกันผลตอบแทนเต็มจำนวน 1) ไม่ต่ำกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี ร้อยละ 50 ปรับเพิ่มเงินสมทบสูงสุดจากปัจจุบัน 600 บาทต่อปี เป็น 1,800 บาทต่อปี 2) เกิน 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี ร้อยละ 80 ปรับเพิ่มเงินสมทบสูงสุดจากปัจจุบัน 960 บาทต่อปี เป็น 1,800 บาทต่อปี 3) เกิน 50 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี ร้อยละ 100 ปรับเพิ่มเงินสมทบสูงสุดจากปัจจุบัน 1,200 บาทต่อปี เป็น 1,800 บาทต่อปี *หมายเหตุ อัตราส่วนเงินสมทบต่อเงินสะสม กำหนดโดยพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 จำนวนเงินสะสมและเงินสมทบที่สูงขึ้น จะทำให้สมาชิก กอช. มีเงินบำนาญเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้าง ความมั่นคงในอนาคตให้มีเงินเพียงพอในการดำรงชีพยามชราภาพ โดยสมาชิก กอช. ที่เริ่มออมตั้งแต่อายุ 15 ปี และออมต่อเนื่องจนถึงอายุ 60 ปี จะมีโอกาสได้รับเงินบำนาญประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน จากเดิมประมาณ 5,300 บาทต่อเดือนในกรณีส่งเงินสะสมเต็มเพดานเงินสะสม โดยเงินบำนาญที่คาดว่าจะได้รับขึ้นอยู่กับจำนวนเงินในบัญชีประกอบด้วยเงินสะสมของสมาชิก เงินสมทบจากรัฐ และผลตอบแทนจากการนำเงินดังกล่าวไปลงทุน ทั้งนี้ การปรับเพิ่มจำนวนเงินสะสมสูงสุดและจำนวนเงินสมทบสูงสุดดังกล่าว จะเป็นการสนับสนุน การออมของแรงงานนอกระบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม เพิ่มแรงจูงใจในการออม รวมทั้งเตรียมความพร้อมรองรับสังคมสูงอายุโดยส่งเสริมให้กลุ่มเยาวชนมีการออมเพื่อการเกษียณเร็วขึ้น
กองนโยบายการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3651
ที่มา: กระทรวงการคลัง