การประชุมระดับปลัดกระทรวงการคลังและรองผู้ว่าการธนาคารกลางเอเปค (APEC Finance and Central Bank Deputies’ Meeting) ประจำปี 2566

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 27, 2023 13:16 —กระทรวงการคลัง

ฉบับที่ 31/2566                                                                                                     วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566

การประชุมระดับปลัดกระทรวงการคลังและรองผู้ว่าการธนาคารกลางเอเปค
(APEC Finance and Central Bank Deputies? Meeting) ประจำปี 2566
วันที่ 25 - 26 กุมภาพันธ์ 2566 ณ เมืองปาล์มสปริงส์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมระดับปลัดกระทรวงการคลังและรองผู้ว่าการธนาคารกลางเอเปค (APEC Finance and Central Bank Deputies? Meeting: FCBDM) ระหว่างวันที่ 25 ? 26 กุมภาพันธ์ 2566 ณ เมืองปาล์มสปริงส์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยมีผู้แทนกระทรวงการคลัง และผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วย
สหรัฐอเมริกา (สหรัฐฯ) ในฐานะเจ้าภาพการประชุมเอเปค ปี 2566 ได้กำหนดหัวข้อหลัก (Theme) คือ ?สร้างอนาคตที่พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงและยั่งยืนสำหรับทุกคน? (Creating a Resilient and Sustainable Future for All.)? ซึ่งมีผลการประชุมสรุปได้  ดังนี้
1.          ประเด็นสำคัญภายใต้กรอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค 2023 (APEC Finance Ministers? Process (APEC FMP) 2023 Priorities) ที่ประชุมได้เห็นชอบประเด็นสำคัญ (Priorities) ที่เจ้าภาพต้องการผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย (1) เศรษฐศาสตร์อุปทานสมัยใหม่ (Modern Supply Side Economics) (2) การพัฒนานวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความรับผิดชอบ (Responsible Innovation and Development of Digital Assets) และ (3) การเงินเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Finance) โดยได้หารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญข้างต้น ดังนี้
1.1 เศรษฐศาสตร์อุปทานสมัยใหม่ สหรัฐฯ ได้นำเสนอแนวคิดที่มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพและผลิตภาพทางเศรษฐกิจของสมาชิกเอเปคผ่านการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์
และแรงงานทักษะสูง การวิจัยและพัฒนา และการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นเครื่องมือส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวที่มีภูมิคุ้มกัน ครอบคลุม และยั่งยืน ทั้งนี้ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เป็นผู้นำการหารือ (Lead Intervention) และได้แบ่งปันประสบการณ์การดำเนินนโยบายของไทย โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิทัล การพัฒนาทุนมนุษย์ และการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public ? Private Partnership: PPP) เพื่อดึงดูด
การลงทุนจากต่างประเทศและส่งเสริมการเติบโตในระยะยาวของไทย รวมทั้งยังได้เสนอแนะให้ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการจัดทำรายงานในหัวข้อเศรษฐศาสตร์อุปทานสมัยใหม่ที่จะเป็นหนึ่งในเอกสารผลลัพธ์ของปี 2566 โดยรายงานดังกล่าวควรมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาอุปทานสมัยใหม่เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือร่วมกันในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม
1.2          การพัฒนานวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความรับผิดชอบ เป็นประเด็นสำคัญต่อเนื่องจากที่ไทยได้ผลักดันไว้ในคราวที่เป็นเจ้าภาพการประชุมภายใต้ APEC FMP ปี 2565 โดยในปีนี้ได้มีการหารือ
ในรายละเอียดของบทบาทของสินทรัพย์ดิจิทัลในระบบเศรษฐกิจของสมาชิกเอเปค และรูปแบบและแนวทาง
ในการกำกับดูแลของภาครัฐที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมที่มีความรับผิดชอบในภาคการเงิน
ซึ่งครอบคลุมสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีกลไกตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์ประเภทอื่นหรือกลไกอื่นเพื่อคงมูลค่า (Stablecoins) และสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency: CBDC) โดยผู้แทน ธปท. ได้แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาและสถานะการพัฒนา CBDC ของไทย ทั้ง CBDC สำหรับการทำธุรกรรมระหว่างสถาบันการเงิน (Wholesale CBDC) และสำหรับธุรกรรมรายย่อยของภาคธุรกิจและประชาชน (Retail CBDC) นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงความร่วมมือกับธนาคารกลางสาธารณรัฐประชาชนจีน เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในการทดสอบการนำ CBDC มาใช้สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ
1.3          การเงินเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นประเด็นที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นประเด็นต่อเนื่องจากที่ไทยได้ผลักดันไว้ในคราวที่เป็นเจ้าภาพการประชุมภายใต้ APEC FMP ปี 2565 เช่นกัน โดยสหรัฐฯ ได้กำหนดหัวข้อหารือเพื่อสนับสนุนให้สมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคสามารถริเริ่มให้มีความร่วมมือในประเด็นดังกล่าวที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ (1) การระดมทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม (Financing a Just Energy Transition) (2) การพัฒนาตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ (Voluntary Carbon Markets) และ (3) แนวทางและเครื่องมือสำหรับการเงินที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านการจัดการปัญหาสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบแผนงานความร่วมมือภายใต้กรอบ APEC FMP ปี 2566 เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของประเด็นสำคัญข้างต้น ซึ่งแผนงานดังกล่าวสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ปุตราจายา ค.ศ. 2040 และแผนปฏิบัติการเซบูที่มุ่งมั่นส่งเสริมการเติบโตที่แข็งแกร่ง สมดุล ปลอดภัย ยั่งยืน และครอบคลุม ตลอดจนพัฒนานวัตกรรมและการแปลงเป็นดิจิทัลให้ก้าวหน้าในภูมิภาค
2.          สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินโลก ภูมิภาค และแนวโน้ม (Global and Regional Economic and Financial Outlook) ที่ประชุมได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นด้านเศรษฐกิจ โดยผู้แทนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ได้รายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจโลก
ในปี 2566 ว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.9 ต่อปี ซึ่งชะลอลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 3.4 ต่อปี เป็นผลจาก
การดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด และสงความในยูเครนที่อาจยกระดับความรุนแรง อย่างไรก็ดี คาดว่า
การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2567 ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค ในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.1 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.6 ต่อปี ในปี 2565 จากปัจจัยสนับสนุนด้านอุปสงค์ที่สะสมมาจากช่วงก่อนหน้า และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกจะยังคงเผชิญความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว นอกจากนี้ IMF ได้ให้ข้อเสนอแนะ
ด้านนโยบายว่าควรมุ่งเน้นไปที่การรักษาระดับอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก การแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน การช่วยเหลือประชากรกลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจ และการส่งเสริมความร่วมมือพหุภาคีเพื่อจัดการกับการค้าโลก เสริมสร้าง
ความมั่นคงทางการเงินโลก และเร่งรัดให้เกิดการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
3.          การหารือผู้แทนระดับสูงกระทรวงการคลังอย่างไม่เป็นทางการในหัวข้อนโยบายการคลัง
นายพรชัย  ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้เข้าร่วมการประชุมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการกำหนดนโยบายด้านการคลังและเป้าหมายระยะกลางของเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงมุมมองเกี่ยวกับความยั่งยืนของหนี้สาธารณะ โดยไทยได้นำเสนอประสบการณ์ในการดำเนินนโยบายการคลังและแผนการคลังระยะปานกลาง (Medium Term Fiscal Framework: MTFF) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ? 2570 ซึ่งมีเป้าหมายปรับลดสัดส่วนการขาดดุลการคลังให้เหลือไม่เกินร้อยละ 3 ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 และมีเป้าหมายปรับลดสัดส่วนการขาดดุลเพื่อมุ่งสู่การจัดทำงบประมาณสมดุล
ในระยะเวลาที่เหมาะสม และลดอัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ในระยะยาว พร้อมทั้งมีการประเมินความเสี่ยง
ที่อาจส่งผลต่อความยั่งยืนของหนี้สาธารณะเพื่อทบทวนกลยุทธ์การกู้ยืมอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ไทยจะยังมุ่งเน้นสนับสนุนประชากรกลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจ ร่วมกับการปฏิรูปแนวทางการเก็บภาษี โดยปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดเก็บและขยายฐานภาษี

กองนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3622

ที่มา: กระทรวงการคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ