รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังตรวจเยี่ยมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังที่อยู่ในกำกับดูแล พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อรับฟังและซักถามปัญหาต่าง ๆ และมอบนโยบายสำคัญโดยเน้นประโยชน์ต่อราชการ และประชาชน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี) เปิดเผยภายหลัง
การตรวจเยี่ยมส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการคลังในพื้นที่ ณ โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส จังหวัดนครราชสีมา จากการรับฟังบรรยายสรุป และรับทราบข้อซักถามต่าง ๆ แล้ว ได้มอบนโยบายที่สำคัญหลายเรื่องเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ พร้อมทั้งเป็นแนวทางและเสริมการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงาน โดยให้เน้นการบริหารจัดการ และประสานงานราชการร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อราชการและประชาชน ประกอบด้วย
1. ให้ทุกหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง ร่วมมือสนับสนุน ส่งเสริมการปฏิบัติราชการของส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น และการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เป็นเหมือนทีมเดียวกัน เพื่อเสริมให้นโยบายหลักของรัฐบาลในการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในภาครัฐและเอกชน และสร้างความอยู่ดีมีสุขของสังคมและชุมชนในจังหวัดมีความเข้มแข็งยั่งยืน
2. เน้นบทบาทหน้าที่ของ “คณะผู้บริหารคลังประจำจังหวัด” ในเรื่องต่างๆ ดังนี้
- การพัฒนาด้านเศรษฐกิจการคลังของจังหวัด ให้มีความเข้มแข็ง เกิดประโยชน์สูงสุด
ต่อภาคเอกชน สังคมชุมชน และจังหวัด โดยส่วนกลางได้จัดทีมงานเรียกว่า “ทีมเฉพาะกิจวายุภักษ์”
ซึ่งมีผู้ตรวจราชการเป็นหัวหน้าทีม และมีกรมบัญชีกลางและสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นเลขานุการร่วม เพื่อช่วยประสานงานและสนับสนุนอย่างเต็มที่ตลอดเวลา
- เป็นแกนนำในการช่วยเหลือ วางแผนงาน และแก้ไขปัญหาของประชาชนเกี่ยวกับที่ทำกิน
ที่อยู่อาศัย ความยากจน ความต้องการประกอบอาชีพ ความเดือดร้อนในเรื่องที่ดินทำกินเพื่อการเกษตร รวมถึงภาคอุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมอื่น ๆ และเป็นแกนนำในเรื่องการให้ความรู้ความเข้าใจในการใช้บริการเกี่ยวกับการชำระภาษีอากรให้แก่รัฐ โดยผ่านกรมจัดเก็บ ได้แก่ กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และกรมสรรพากร
- ทำหน้าที่เหมือนกระทรวงการคลังของจังหวัด ให้ความร่วมมือ ให้การสนับสนุน และให้ความรู้ความเข้าใจ แก่จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีความเข้าใจและเข้าถึงการรักษาวินัยด้านการเงินการคลัง และสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านการเงินการคลัง การบัญชี การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีของจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกิดผลดีและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จะต้องบริหารงบประมาณที่รัฐจัดสรรให้และที่จัดเก็บเองสูงถึง 305,975 ล้านบาท
3. กำหนดนโยบายที่ราชพัสดุ โดยเน้นให้มีแนวปฏิบัติ ดังนี้
- กรณีที่ราชพัสดุที่ส่วนราชการครอบครองแต่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ให้คืนกลับมาที่กรมธนารักษ์ เพื่อให้กรมธนารักษ์นำมาจัดประโยชน์ให้แก่ประชาชน และสังคม และเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล
- ส่งเสริมให้นำที่ราชพัสดุไปใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่ออกกำลังกาย ส่งเสริมด้านกีฬา และนำไปใช้เป็นสถานที่จัดสวัสดิการให้แก่ข้าราชการให้ได้มีที่อยู่อาศัยเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการ โดยให้ ธนารักษ์พื้นที่ประสานงานกับจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมมือกันสำรวจพื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำประโยชน์ดังกล่าว
- ให้ธนารักษ์พื้นที่และหน่วยงานราชการในจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันสอดส่องและตรวจสอบไม่ให้มีการบุกรุกที่ราชพัสดุเพิ่มขึ้น และให้หาวิธีแก้ไข จัดการที่ราชพัสดุที่มีการครอบครองและบุกรุกอยู่ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้ทุกหน่วยงานเน้นการบริหารจัดการ การประสานงานระหว่างหน่วยราชการ และการให้บริการแก่ประชาชน โดยให้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) มาใช้ให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้ประโยชน์จากข้อมูลระหว่างหน่วยราชการร่วมกันอย่างเต็มที่ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้เน้นการฝึกอบรมเพิ่มทักษะและเพิ่มความรู้ให้แก่ข้าราชการ หน่วยงาน รวมทั้งให้ความรู้แก่ประชาชนในการใช้บริการ เพื่อให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจที่จะใช้บริการภายใต้บรรยากาศที่เป็นกันเอง เกิดความรู้สึกที่ดีต่อการบริการของทางราชการ ตลอดจนมีการติดตามปรับปรุงข้อมูล ความรู้ให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์ตลอดเวลา โดยให้หน่วยราชการที่ต้องการการสนับสนุนในเชิงนโยบาย เสนอเรื่องไปทางส่วนกลาง และส่วนงานที่รับผิดชอบ เพื่อให้การสนับสนุน และเกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นต่อไป
สำนักงานเลขานุการ กรมบัญชีกลาง
โทร. 02-273-9544
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 31/2551 21 เมษายน 51--
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี) เปิดเผยภายหลัง
การตรวจเยี่ยมส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการคลังในพื้นที่ ณ โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส จังหวัดนครราชสีมา จากการรับฟังบรรยายสรุป และรับทราบข้อซักถามต่าง ๆ แล้ว ได้มอบนโยบายที่สำคัญหลายเรื่องเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ พร้อมทั้งเป็นแนวทางและเสริมการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงาน โดยให้เน้นการบริหารจัดการ และประสานงานราชการร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อราชการและประชาชน ประกอบด้วย
1. ให้ทุกหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง ร่วมมือสนับสนุน ส่งเสริมการปฏิบัติราชการของส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น และการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เป็นเหมือนทีมเดียวกัน เพื่อเสริมให้นโยบายหลักของรัฐบาลในการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในภาครัฐและเอกชน และสร้างความอยู่ดีมีสุขของสังคมและชุมชนในจังหวัดมีความเข้มแข็งยั่งยืน
2. เน้นบทบาทหน้าที่ของ “คณะผู้บริหารคลังประจำจังหวัด” ในเรื่องต่างๆ ดังนี้
- การพัฒนาด้านเศรษฐกิจการคลังของจังหวัด ให้มีความเข้มแข็ง เกิดประโยชน์สูงสุด
ต่อภาคเอกชน สังคมชุมชน และจังหวัด โดยส่วนกลางได้จัดทีมงานเรียกว่า “ทีมเฉพาะกิจวายุภักษ์”
ซึ่งมีผู้ตรวจราชการเป็นหัวหน้าทีม และมีกรมบัญชีกลางและสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นเลขานุการร่วม เพื่อช่วยประสานงานและสนับสนุนอย่างเต็มที่ตลอดเวลา
- เป็นแกนนำในการช่วยเหลือ วางแผนงาน และแก้ไขปัญหาของประชาชนเกี่ยวกับที่ทำกิน
ที่อยู่อาศัย ความยากจน ความต้องการประกอบอาชีพ ความเดือดร้อนในเรื่องที่ดินทำกินเพื่อการเกษตร รวมถึงภาคอุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมอื่น ๆ และเป็นแกนนำในเรื่องการให้ความรู้ความเข้าใจในการใช้บริการเกี่ยวกับการชำระภาษีอากรให้แก่รัฐ โดยผ่านกรมจัดเก็บ ได้แก่ กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และกรมสรรพากร
- ทำหน้าที่เหมือนกระทรวงการคลังของจังหวัด ให้ความร่วมมือ ให้การสนับสนุน และให้ความรู้ความเข้าใจ แก่จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีความเข้าใจและเข้าถึงการรักษาวินัยด้านการเงินการคลัง และสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านการเงินการคลัง การบัญชี การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีของจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกิดผลดีและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จะต้องบริหารงบประมาณที่รัฐจัดสรรให้และที่จัดเก็บเองสูงถึง 305,975 ล้านบาท
3. กำหนดนโยบายที่ราชพัสดุ โดยเน้นให้มีแนวปฏิบัติ ดังนี้
- กรณีที่ราชพัสดุที่ส่วนราชการครอบครองแต่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ให้คืนกลับมาที่กรมธนารักษ์ เพื่อให้กรมธนารักษ์นำมาจัดประโยชน์ให้แก่ประชาชน และสังคม และเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล
- ส่งเสริมให้นำที่ราชพัสดุไปใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่ออกกำลังกาย ส่งเสริมด้านกีฬา และนำไปใช้เป็นสถานที่จัดสวัสดิการให้แก่ข้าราชการให้ได้มีที่อยู่อาศัยเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการ โดยให้ ธนารักษ์พื้นที่ประสานงานกับจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมมือกันสำรวจพื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำประโยชน์ดังกล่าว
- ให้ธนารักษ์พื้นที่และหน่วยงานราชการในจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันสอดส่องและตรวจสอบไม่ให้มีการบุกรุกที่ราชพัสดุเพิ่มขึ้น และให้หาวิธีแก้ไข จัดการที่ราชพัสดุที่มีการครอบครองและบุกรุกอยู่ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้ทุกหน่วยงานเน้นการบริหารจัดการ การประสานงานระหว่างหน่วยราชการ และการให้บริการแก่ประชาชน โดยให้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) มาใช้ให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้ประโยชน์จากข้อมูลระหว่างหน่วยราชการร่วมกันอย่างเต็มที่ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้เน้นการฝึกอบรมเพิ่มทักษะและเพิ่มความรู้ให้แก่ข้าราชการ หน่วยงาน รวมทั้งให้ความรู้แก่ประชาชนในการใช้บริการ เพื่อให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจที่จะใช้บริการภายใต้บรรยากาศที่เป็นกันเอง เกิดความรู้สึกที่ดีต่อการบริการของทางราชการ ตลอดจนมีการติดตามปรับปรุงข้อมูล ความรู้ให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์ตลอดเวลา โดยให้หน่วยราชการที่ต้องการการสนับสนุนในเชิงนโยบาย เสนอเรื่องไปทางส่วนกลาง และส่วนงานที่รับผิดชอบ เพื่อให้การสนับสนุน และเกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นต่อไป
สำนักงานเลขานุการ กรมบัญชีกลาง
โทร. 02-273-9544
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 31/2551 21 เมษายน 51--