รายงานภาวะเศรษฐกิจรายสัปดาห์ (Weekly) ณ 12 ต.ค. 66

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 17, 2023 14:31 —กระทรวงการคลัง

เศรษฐกิจไทย

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ก.ย. 66 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 58.7

ภาคการเงิน

ระดับสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ในเดือน ส.ค. 66 คิดเป็น 1.96 เท่าของ

สินทรัพย์สภาพคล่องที่ดารงตามกฎหมาย

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ก.ย. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 58.7 จากระดับ 56.9 ในเดือนก่อน โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยวเป็นสาคัญ โดยเฉพาะจากมาตรการเปิดฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสาคัญของไทย และนโยบายการดาเนินงานของรัฐบาลชุดใหม่ได้แก่ การกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดภาระค่าครองชีพ การเพิ่มรายได้ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงความชัดเจนทางการเมืองที่มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามราคาสินค้าและบริการ รวมถึงราคาน้ามันเชื้อเพลิงที่ยังอยู่ในระดับสูง เป็นปัจจัยกดดันทาให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ระดับสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ในเดือน ส.ค.666คิดเป็น 1.9696เท่าของสินทรัพย์สภาพคล่องที่ดารงตามกฎหมาย

โดยยอดคงค้างสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบในเดือน ส.ค. 666อยู่ที่ 5.425.42ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ธปท. ได้ปรับเกณฑ์การดารงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์จากเกณฑ์เดิมที่ต้องดารงสินทรัพย์สภาพคล่องไม่ต่ากว่าร้อยละ 6 ของเงินรับฝากเป็นไม่ต่ากว่าร้อยละ 100 (หรือ 1.0 เท่า) ของประมาณการกระแสเงินสดไหลออกสุทธิในสภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR)

ตั้งแต่เดือน ม.ค. 59

คาสั่งซื้อเครื่องมือเครื่องจักร (machine tool orders) เดือน ก.ย.66หดตัวร้อยละ -11.2ต่อปี ต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -17.6ต่อปี จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ลดลง เป็นสาคัญ

ญี่ปุ่น

อัตราการว่างงานเดือน ส.ค. 66 อยู่ที่ร้อยละ 3.4 ของกาลังแรงงานรวม ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดือนก่อนหน้า ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ต่าที่สุดนับตั้งแต่ มี.ค. 63

ผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. 66หดตัวที่ร้อยละ -0.3จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการกลับมาหดตัวอีกครั้งจากเดือน ก.ค. 66ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.7ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะหดตัวที่ร้อยละ -1.2

ยอดค้าปลีกเดือน ส.ค. 66 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 5.5

ยอดค้าปลีก เดือน ก.ย.66 ขยายตัวร้อยละ 2.8 ต่อปี ชะลอจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 4.3ต่อปี จากปัจจัยต้นทุนค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง เป็นสาคัญ

ยอดค้าปลีก เดือน ส.ค. 6666ขยายตัวที่ร้อยละ 1.11.1จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.61.6จากช่วงเดียวกันขอบปีก่อน

มูลค่าการส่งออก เดือน ส.ค. 66 ขยายตัวร้อยละ 4.2จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กลับมาขยายตัวอีกครั้งจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -0.9

มูลค่าการนาเข้า เดือน ส.ค. 66 เดือน ส.ค. 66 ขยายตัวร้อยละ -13.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7

ดุลการค้า เดือน ส.ค. 66 เดือน ส.ค. 66ขาดดุลที่ -4.13พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า

การส่งออก เดือน ก.ย. 66 ขยายตัวที่ร้อยละ 3.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กลับมาขยายตัวอีกครั้งจากเดือน ส.ค. 66 ที่หดตัวที่ร้อยละ -7.3 และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะหดตัวที่ร้อยละ -3.0 นับเป็นการขยายตัวของการส่งออกอีกครั้งหลังจากหดตัวต่อเนื่องตั้งแต่ก.ย. 66 การขยายตัวของการส่งออกได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราการเติบโตของยอดส่งออกสินค้าหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหมวดเคมีภัณฑ์เป็นสาคัญ ในส่วนของกลุ่มประเทศคู่ค้าที่มีการส่งออกขยายตัว ได้แก่ กลุ่มประเทศอาเซียน สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา

การนาเข้า เดือน ก.ย. 66 หดตัวที่ร้อยละ -12.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวชะลอลงจากเดือน ส.ค. 66 ที่หดตัวที่ร้อยละ -23.0 และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ร้อยละ -14.15 นับเป็นการหดตัวของการนาเข้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11อันเนื่องจากการหดตัวของการนาเข้าสินค้าในหมวดเครื่องจักรกลและผลิตภัณฑ์จากแร่ธาตุเป็นสาคัญ

ดุลการค้า เดือน ก.ย. 66 เกินดุลอยู่ที่ 1.03 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เกินดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ 8.59พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เครื่องชี้ตลาดเงิน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

ดัชนี SETSETปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน สอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน เช่นPSEiPSEi(ฟิลิปปินส์) เป็นต้น เมื่อวันที่ 1111ต.ค. 666ดัชนีปิดที่ระดับ 1,455.991,455.99จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยระหว่างวันที่ 9 1111ต.ค. 6666อยู่ที่47,216.9147,216.91ล้านบาทต่อวันโดยนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ เป็นผู้ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนทั่วไปในประเทศ และนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ เป็นผู้ขายสุทธิ ทั้งนี้ระหว่างวันที่ 9 1111ต.ค. 66 นักลงทุนต่างชาติ ซื้อหลักทรัพย์สุทธิ 4,613.94,613.9ล้านบาท

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 11เดือน ถึง 11ปี และอายุ 66ปี ถึง 2020ปี ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในช่วง 11ถึง 6 bpsbpsขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 22ถึง 2424ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 11ถึง 2 bpsbpsโดยในสัปดาห์นี้นักลงทุนมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 44ปี และ 1515ปี ซึ่งมีนักลงทุนสนใจ 1.31.3และ 2.72.7เท่าของวงเงินประมูล ตามลาดับ ทั้งนี้ ระหว่างวันที่9 1111ต.ค. 6666กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าในตลาดพันธบัตรสุทธิ 14,417.8814,417.88ล้านบาท และหากนับจากต้นปีจนถึงวันที่1111ต.ค.6666กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลออกจากตลาดพันธบัตรสุทธิ 137,948.89137,948.89ล้านบาท

เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดย ณ วันที่1111ต.ค. 666เงินบาทปิดที่ 36.4536.45บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นร้อยละ 1.911.91จากสัปดาห์ก่อนหน้า สอดคล้องกับเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค อาทิ เงินสกุลเยน ยูโร ริงกิตวอน ดอลลาร์ไต้หวัน ดอลลาร์สิงคโปร์ และหยวน ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินสกุลเปโซ ที่ปรับตัวอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่ามากกว่าเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาคส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEERNEER) อยู่ที่ร้อยละ 1.65

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ