กระทรวงการคลังเตรียมสานต่อนโยบายนายกรัฐมนตรี นำที่ราชพัสดุที่ส่วนราชการถือครองไม่ได้ใช้ประโยชน์เนื้อที่ 1 ล้านไร่ มาจัดสรรให้เกษตรกรเช่าเพื่อเพาะปลูกพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน โดยให้กรม ธนารักษ์เป็นผู้ดำเนินการ คิดค่าเช่าราคาถูกไร่ละ 20 บาทต่อปี
ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุได้ให้กรมธนารักษ์ทำการสำรวจที่ราชพัสดุทั่วประเทศ พบว่าที่ราชพัสดุทั้งหมดมีประมาณ 12.5 ล้านไร่ แยกเป็นที่ดินที่ใช้ประโยชน์ในราชการเนื้อที่ประมาณ 12.337 ล้านไร่ (ร้อยละ 98.70) ที่ดินที่เหลื่อประมาณ 163,000 ไร่ (ร้อยละ 1.30) เป็นที่ดินที่จัดให้เช่าเพื่ออยู่อาศัย เกษตรกรรม และเพื่อการพาณิชย์กรรม
ซึ่งจากการสำรวจในปี 2549 พบว่ามีที่ดินที่อยู่ในการครอบครองของส่วนราชการและหน่วยงานเป็นที่ดินว่างทั้งแปลง ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ไม่เหมาะสม ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ไม่เต็มพื้นที่ จำนวน 3,199 แปลง เนื้อที่รวม 295,258 ไร่ เป็นที่ดินแปลงใหญ่ที่ใช้เพื่อการเกษตรกรรมที่ราษฎรถือครองอยู่เนื้อที่ประมาณ 584,062 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น 879,302 ไร่ ซึ่งจะต้องเจรจาขอคืนจากหน่วยราชการและหน่วยงาน
การเจรจาขอคืนที่ดินจากหน่วยราชการและหน่วยงานในปี 2550 และ 2551 ได้รับที่ดินราชพัสดุคืนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม และส่วนราชการ และหน่วยงานอื่น จำนวน 503 แปลง เนื้อที่ 266,539 ไร่ (ร้อยละ 30.31) เป็นที่ว่างเปล่า 500 แปลง จำนวน 73,015 ไร่ ได้จัดให้ราษฎรเช่าพื้นที่เพื่อทำเกษตรกรรมประมาณ 45,497 ไร่ (ร้อยละ 62.31) ส่วนที่เหลือได้นำกลับไปให้ส่วนราชการใช้ประโยชน์ เช่นเป็นที่ทำการ สำนักงาน บ้านพักข้าราชการ เป็นต้น จำนวน 27,520 ไร่ (ร้อยละ 37.69) สำหรับที่ดินแปลงใหญ่ที่เหลืออีก 3 แปลง ซึ่งมีราษฎรครอบครองอยู่เดิมเนื้อที่ 193,524 ไร่เศษ ได้แก่ ที่ดินราชพัสดุแปลงเรือนจำคลองไผ่ จังหวัดนครราชสีมา (เนื้อที่ 100,524 ไร่) แปลงเกาะกูด จังหวัดตราด (เนื้อที่ 50,000 ไร่) และแปลงสนามฝึกยุทธวิธี จังหวัดอุดรธานี (เนื้อที่43,000ไร่) จะได้จัดให้ราษฎรเช่า เพื่อทำการเกษตรกรรมตามที่ครอบครองอยู่เดิมต่อไป
สำหรับที่ดินที่เจรจาขอคืนที่คงเหลืออีก 612,691 ไร่เศษ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมอบนโยบายให้กรมธนารักษ์เร่งรัดเจรจาส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ให้ส่งคืนที่ดินต่อไป โดยกำหนดเป้าหมายให้ส่งคืนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
ส่วนกรณีการจัดหาพื้นที่รองรับโครงการจัดทำแปลงเกษตรให้ราษฎรเช่าเพื่อทำการเกษตรพืชไร่ และพลังงานทดแทนตามนโยบาย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จำนวน 1 ล้านไร่นั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังระบุว่าได้ส่งข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีแล้ว ที่ดินในการครอบครองของหน่วยราชการ เนื้อที่ประมาณ 9.448 ล้านไร่ ซึ่งมีที่ดินแปลงใหญ่ที่เหมาะสมใช้เป็นเนื้อที่เกษตรกรรมเป็นจำนวนมาก ที่สามารถสำรวจเพื่อนำมาใช้ประโยชน์อื่นๆ ตามนโยบายของรัฐบาลได้อีก
“เรื่องขอคืนที่ราชพัสดุจากหน่วยงานราชการ และหน่วยงานอื่นๆ นั้นคงจะต้องขอให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ที่มีที่ราชพัสดุในความครอบครองช่วยผลักดันให้ส่วนราชการเร่งส่งคืนที่ดิน และเมื่อได้รับคืนแล้ว กระทรวงการคลังจะร่วมบูรณาการกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงานในการกำหนดนโยบายและเงื่อนไขในการทำเกษตร ปลูกพืชไร่ และพืชพลังงานทดแทน โดยกระทรวงการคลังจะให้ราษฎรเช่าไร่ละ 20 บาทต่อปี ต่อไป” ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
สำนักบริหารจัดการฐานข้อมูลที่ราชพัสดุ
กรมธนารักษ์
โทร 0-2298-6096
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 35/2551 1 พฤษภาคม 51--
ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุได้ให้กรมธนารักษ์ทำการสำรวจที่ราชพัสดุทั่วประเทศ พบว่าที่ราชพัสดุทั้งหมดมีประมาณ 12.5 ล้านไร่ แยกเป็นที่ดินที่ใช้ประโยชน์ในราชการเนื้อที่ประมาณ 12.337 ล้านไร่ (ร้อยละ 98.70) ที่ดินที่เหลื่อประมาณ 163,000 ไร่ (ร้อยละ 1.30) เป็นที่ดินที่จัดให้เช่าเพื่ออยู่อาศัย เกษตรกรรม และเพื่อการพาณิชย์กรรม
ซึ่งจากการสำรวจในปี 2549 พบว่ามีที่ดินที่อยู่ในการครอบครองของส่วนราชการและหน่วยงานเป็นที่ดินว่างทั้งแปลง ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ไม่เหมาะสม ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ไม่เต็มพื้นที่ จำนวน 3,199 แปลง เนื้อที่รวม 295,258 ไร่ เป็นที่ดินแปลงใหญ่ที่ใช้เพื่อการเกษตรกรรมที่ราษฎรถือครองอยู่เนื้อที่ประมาณ 584,062 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น 879,302 ไร่ ซึ่งจะต้องเจรจาขอคืนจากหน่วยราชการและหน่วยงาน
การเจรจาขอคืนที่ดินจากหน่วยราชการและหน่วยงานในปี 2550 และ 2551 ได้รับที่ดินราชพัสดุคืนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม และส่วนราชการ และหน่วยงานอื่น จำนวน 503 แปลง เนื้อที่ 266,539 ไร่ (ร้อยละ 30.31) เป็นที่ว่างเปล่า 500 แปลง จำนวน 73,015 ไร่ ได้จัดให้ราษฎรเช่าพื้นที่เพื่อทำเกษตรกรรมประมาณ 45,497 ไร่ (ร้อยละ 62.31) ส่วนที่เหลือได้นำกลับไปให้ส่วนราชการใช้ประโยชน์ เช่นเป็นที่ทำการ สำนักงาน บ้านพักข้าราชการ เป็นต้น จำนวน 27,520 ไร่ (ร้อยละ 37.69) สำหรับที่ดินแปลงใหญ่ที่เหลืออีก 3 แปลง ซึ่งมีราษฎรครอบครองอยู่เดิมเนื้อที่ 193,524 ไร่เศษ ได้แก่ ที่ดินราชพัสดุแปลงเรือนจำคลองไผ่ จังหวัดนครราชสีมา (เนื้อที่ 100,524 ไร่) แปลงเกาะกูด จังหวัดตราด (เนื้อที่ 50,000 ไร่) และแปลงสนามฝึกยุทธวิธี จังหวัดอุดรธานี (เนื้อที่43,000ไร่) จะได้จัดให้ราษฎรเช่า เพื่อทำการเกษตรกรรมตามที่ครอบครองอยู่เดิมต่อไป
สำหรับที่ดินที่เจรจาขอคืนที่คงเหลืออีก 612,691 ไร่เศษ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมอบนโยบายให้กรมธนารักษ์เร่งรัดเจรจาส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ให้ส่งคืนที่ดินต่อไป โดยกำหนดเป้าหมายให้ส่งคืนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
ส่วนกรณีการจัดหาพื้นที่รองรับโครงการจัดทำแปลงเกษตรให้ราษฎรเช่าเพื่อทำการเกษตรพืชไร่ และพลังงานทดแทนตามนโยบาย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จำนวน 1 ล้านไร่นั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังระบุว่าได้ส่งข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีแล้ว ที่ดินในการครอบครองของหน่วยราชการ เนื้อที่ประมาณ 9.448 ล้านไร่ ซึ่งมีที่ดินแปลงใหญ่ที่เหมาะสมใช้เป็นเนื้อที่เกษตรกรรมเป็นจำนวนมาก ที่สามารถสำรวจเพื่อนำมาใช้ประโยชน์อื่นๆ ตามนโยบายของรัฐบาลได้อีก
“เรื่องขอคืนที่ราชพัสดุจากหน่วยงานราชการ และหน่วยงานอื่นๆ นั้นคงจะต้องขอให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ที่มีที่ราชพัสดุในความครอบครองช่วยผลักดันให้ส่วนราชการเร่งส่งคืนที่ดิน และเมื่อได้รับคืนแล้ว กระทรวงการคลังจะร่วมบูรณาการกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงานในการกำหนดนโยบายและเงื่อนไขในการทำเกษตร ปลูกพืชไร่ และพืชพลังงานทดแทน โดยกระทรวงการคลังจะให้ราษฎรเช่าไร่ละ 20 บาทต่อปี ต่อไป” ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
สำนักบริหารจัดการฐานข้อมูลที่ราชพัสดุ
กรมธนารักษ์
โทร 0-2298-6096
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 35/2551 1 พฤษภาคม 51--