ฉบับที่ 19/2567 วันที่ 15 มีนาคม 2567
ความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของกระทรวงการคลัง
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงนโยบายการแก้ไข ปัญหาหนี้นอกระบบที่เป็นวาระแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไข ปัญหาหนี้นอกระบบ เนื่องจากเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจากการจ่ายดอกเบี้ย สูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แบกรับภาระหนี้สินที่เกินกว่าเงินต้นเป็นจำนวนมาก รวมถึงพฤติการณ์ใช้ความรุนแรง ในการทวงถามหนี้ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของลูกหนี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับปัญหาดังกล่าวใน 3 มิติอย่างครบวงจรและต่อเนื่อง ประกอบด้วย (1) ด้านการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบ (2) ด้านการบังคับใช้กฎหมาย และ (3) ด้านการให้ความช่วยเหลือ ทางการเงิน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อดูแลลูกหนี้นอกระบบให้เข้ามาเป็นลูกหนี้ในระบบและหลุดพ้นจากวงจรการเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว เพื่อดำเนินการตามนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่เป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงการคลัง ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่ผ่านการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้แล้ว และมีความประสงค์ที่จะขอสินเชื่อ (ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ) ผ่านมาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือ และรองรับลูกหนี้นอกระบบที่ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ในโครงการแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาล โดยธนาคาร ออมสิน และ ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 15,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน (Flat rate) ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 6 งวดแรก และระยะเวลาคืนเงินกู้สูงสุด ไม่เกิน 3 ปี ซึ่งหากผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ เป็นผู้ประกอบอาชีพทั่วไปสามารถติดต่อได้ที่ธนาคารออมสิน และหากเป็นเกษตรกรสามารถติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส. นอกจากนี้ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ยังมีโครงการสินเชื่ออื่นสำหรับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ต้องการสินเชื่อเพื่อนำไปชำระหนี้นอกระบบผ่านมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ เช่น โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชนโดยธนาคารออมสิน (วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.75 ต่อเดือน) สินเชื่อเพื่อชำระหนี้นอกระบบโดย ธ.ก.ส. (วงเงินสินเชื่ออนุมัติรายละไม่เกิน 200,000 บาท หรือในกรณีสงวนรักษาที่ดิน วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MRR ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ไม่เกิน 12 ปี) และบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนของธนาคารออมสิน เพื่อให้บริการขายฝากหรือให้สินเชื่อจดจำนองที่ดินอย่างเป็นธรรม อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 7.5 ต่อปี และปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน -2- ทั้งนี้ ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อจากธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบสำหรับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ณ วันที่ 14 มีนาคม 2567 มีจำนวน 10,592 ราย แบ่งเป็นผู้ที่เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือที่ธนาคารทั้งสองแห่งแล้วจำนวน 1,675 ราย (ร้อยละ 15.81) และผู้ที่ยัง ไม่ได้เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือที่ธนาคารทั้งสองแห่งจำนวน 8,917 ราย (ร้อยละ 84.19) โดยจากจำนวน ผู้ที่เข้ามาติดต่อขอรับความช่วยเหลือ ธนาคารทั้งสองแห่งได้ดำเนินการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 525 ราย (ร้อยละ 31.34 ของผู้ที่เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือที่ธนาคารทั้งสองแห่ง) รวมเป็นจำนวนเงิน 12.02 ล้านบาท สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ที่ยังไม่ได้เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือ ธนาคารทั้งสองแห่ง ได้ดำเนินการเชิงรุกโดยเร่งประชาสัมพันธ์และติดต่อผู้ลงทะเบียนผ่านทางโทรศัพท์ และส่ง SMS ตามข้อมูลที่อยู่ของผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ เพื่อทำการนัดหมายให้เข้ามาติดต่อที่ธนาคารต่อไป สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านสินเชื่อเนื่องจากคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ ธนาคารทั้งสองแห่งก็ได้ให้ความช่วยเหลือทุกราย โดยการให้คำแนะนำปรึกษา ประกอบด้วย การปรับโครงสร้างหนี้ (ลดยอดผ่อนชำระต่องวดลง และขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้นานขึ้น) การให้ความรู้ทางการเงิน รวมทั้งการส่งเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูศักยภาพในการหาแหล่ง รายได้หรือพัฒนาอาชีพของธนาคารทั้งสองแห่งด้วยแล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ กระทรวงการคลังขอเชิญชวนให้ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ติดต่อไปยังธนาคาร ทั้งสองแห่ง โดยธนาคารทั้งสองแห่งพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน และให้ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ กับประชาชนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้ส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้แก่ประชาชนรายย่อย โดย ณ เดือนมกราคม 2567 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และเปิดดำเนินการแล้ว สะสมสุทธิ 1,140 ราย ใน 75 จังหวัด และ ณ เดือนธันวาคม 2566 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยสะสมทั้งสิ้น 4,050,833 บัญชี รวมเป็นวงเงิน 38,857.69 ล้านบาท โดยประชาชนที่สนใจ ขอกู้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั้ง 75 จังหวัด ได้ที่ www.1359.go.th กองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2169 7130 ที่มา: กระทรวงการคลัง