ความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของกระทรวงการคลัง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 4, 2024 13:25 —กระทรวงการคลัง

ฉบับที่ 27/2567 วันที่ 4 เมษายน 2567
ความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อานวยการสานักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้ความสาคัญเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยได้แถลงนโยบายเพื่อยกระดับให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดาเนินการเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับปัญหาดังกล่าว
เพื่อดาเนินการตามนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่เป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงการคลังได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านมาตรการสินเชื่อต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วย มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566) และโครงการที่ได้ดาเนินการอยู่แล้ว ได้แก่ โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชน สินเชื่อเพื่อชาระหนี้สินนอกระบบ และสินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน นอกจากนี้ ภาครัฐโดยกระทรวงมหาดไทยได้มีการจัดกิจกรรมตลาดนัดแก้หนี้ในช่วงที่มีการเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบรวม 445 ครั้ง ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด เพื่อเปิดพื้นที่ให้แก่ผู้ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและเจ้าหนี้นอกระบบได้มาไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งหน่วยงานของกระทรวงการคลัง เช่น ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ได้ให้ความร่วมมือเข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้ง โดยการจัดบูธ และมีเจ้าหน้าที่ให้คาแนะนาปรึกษา รวมทั้งนาเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้แก่ลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและผ่านการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่ออื่น ๆ ตามที่กล่าวข้างต้นสาหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ในขณะที่คลังจังหวัดในพื้นที่ได้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกากับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ที่ประกอบธุรกิจอยู่ในจังหวัดนั้น ๆ ให้เข้าร่วมงานตลาดนัดแก้หนี้ เพื่อเป็นช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับประชาชนเพิ่มเติมอีกด้วย เป็นต้น โดยผลการดาเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินจากธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ? 31 มีนาคม 2567 มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับความช่วยเหลือไปแล้วจานวน 6,893 ราย รวมเป็นจานวนเงินทั้งสิ้น 355.74 ล้านบาท
-2-
สาหรับมาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหา หนี้นอกระบบนั้น สถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้งสองแห่งได้ให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ แก่ผู้ลงทะเบียนที่ผ่าน การไกล่เกลี่ยและมีความต้องการขอสินเชื่อ ประกอบด้วย การพิจารณาให้สินเชื่อ การปรับโครงสร้างหนี้ (ลดยอดผ่อนชาระต่องวดลง และขยายระยะเวลาชาระหนี้ให้นานขึ้น) การให้ความรู้ทางการเงิน รวมทั้งการส่งเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูศักยภาพในการหาแหล่งรายได้หรือพัฒนาอาชีพของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้งสองแห่งด้วยแล้ว เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบทุกราย ในการนี้ กระทรวงการคลังขอเชิญชวนให้ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ติดต่อไปยังสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้งสองแห่งซึ่งพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน และให้ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ กับประชาชนอย่างเต็มที่
นายพรชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ?ควบคู่ไปกับการแก้ไขหนี้นอกระบบดังกล่าวแล้ว กระทรวงการคลังได้ส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้แก่ประชาชนรายย่อย โดย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และเปิดดาเนินการแล้วสะสมสุทธิ 1,139 ราย ใน 75 จังหวัด และ ณ เดือนมกราคม 2567 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยสะสมทั้งสิ้น 4,110,393 บัญชี รวมเป็นวงเงิน 39,546.91 ล้านบาท โดยผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถดูข้อมูลรายการยื่นคาขออนุญาตได้ที่ www.1359.go.th และสาหรับประชาชนที่สนใจขอกู้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั้ง 75 จังหวัด ได้ที่ www.1359.go.th เช่นกัน หรือโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และขอรับคาปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาหนี้นอกระบบเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1359?
กองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สานักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0 2169 7130


          ที่มา: กระทรวงการคลัง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ