มาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 2567 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 27, 2024 13:13 —กระทรวงการคลัง

ฉบับที่ 81/2567 วันที่ 27 สิงหาคม 2567
มาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 2567 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ ทั้งบริเวณภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคใต้ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ และการดาเนินธุรกิจของประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ จึงได้ดาเนินการออกมาตรการด้านการเงินทั้งมาตรการพักชาระหนี้ ลดดอกเบี้ย และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่า เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทา ความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย โดยมีสาระสาคัญของโครงการ ดังนี้
ธนาคารออมสิน จัดทามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้าท่วมเร่งด่วน ประกอบด้วย
1) มาตรการพักชาระหนี้ สาหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อยที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการพักชาระหนี้เงินต้นและลดดอกเบี้ยร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 3 เดือน
2) มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่า จานวน 2 โครงการ ได้แก่
- โครงการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ วงเงินต่อรายไม่เกิน 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.6 ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 เดือน ปลอดชาระเงินงวดใน 3 เดือนแรก
- โครงการสินเชื่อเคหะผู้ประสบภัย วงเงินกู้ต่อรายสูงสุดร้อยละ 100 ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2 ต่อปี
ทั้งนี้ สามารถแสดงความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการผ่านทางเว็ปไซต์ของธนาคารออมสินหรือติดต่อ สาขาของธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดทามาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าผู้ประสบภัย ประกอบด้วย
1) มาตรการพักชาระหนี้
- กรณีหนี้ถึงกาหนดชาระหรือหนี้ค้างชาระ 0 -3 เดือน สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยการขยายระยะเวลาชาระหนี้ไม่เกิน 20 ปี กรณีลูกค้าไม่สามารถชาระดอกเบี้ยค้างชาระได้ทั้งหมด ให้ระยะเวลาปลอดชาระเงินต้นไม่เกิน 3 ปี ยกเว้นดอกเบี้ยปรับทั้งจานวน และกรณีลูกค้าสามารถชาระดอกเบี้ยค้างชาระได้ร้อยละ 20 จะตัดชาระต้นเงินร้อยละ 50 และตัดชาระดอกเบี้ยร้อยละ 50
- กรณีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs) สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยการขยายระยะเวลาชาระหนี้ไม่เกิน 20 ปี ลดอัตราดอกเบี้ยปรับทั้งจานวน และลดภาระหนี้และดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 70 เมื่อชาระหนี้ได้ตามสัญญาใหม่
2) มาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูลูกค้า วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
- โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2567/68 วงเงินต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR ของ ธ.ก.ส. เท่ากับร้อยละ 6.975 ต่อปี) ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี ปลอดชาระดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก
- โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงินต่อรายไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR - 2 ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 ปี
ทั้งนี้ สามารถแสดงความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
2
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าประชาชน ประกอบด้วย
1) มาตรการลดเงินงวดและลดอัตราดอกเบี้ย สาหรับลูกค้าปัจจุบันจะได้รับการลดเงินงวดร้อยละ 50 จากเงินงวดที่ชาระปกติ และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน
2) มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่า สาหรับลูกค้าใหม่หรือลูกค้าปัจจุบัน สามารถขอสินเชื่อเพิ่มเติมหรือสินเชื่อใหม่เพื่อปลูกสร้างอาคารทดแทนหลังเดิมหรือซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย วงเงินต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2 ต่อปี
3) มาตรการประนอมหนี้ สาหรับลูกค้าที่ค้างชาระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือนหรืออยู่ระหว่าง การประนอมหนี้จะได้รับการปลอดชาระดอกเบี้ยและเงินงวดใน 6 เดือนแรก กรณีลูกค้าที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ผู้กู้ร่วมหรือทายาทสามารถผ่อนชาระต่อในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปีตลอดระยะเวลาคงเหลือ และกรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้สามารถยกเว้นหนี้ในส่วนของอาคารและผ่อนชาระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือ
4) มาตรการสินไหมเร่งด่วน สาหรับลูกค้าที่ทากรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติจะพิจารณาสินไหมอย่างเร่งด่วน (Fast Track) เป็นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ สามารถยื่นคาขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ได้ดาเนินการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ ประกอบด้วย
1) มาตรการพักชาระหนี้ พักชาระหนี้เงินต้นให้สอดคล้องกับระดับความรุนแรงของผลกระทบและลักษณะของธุรกิจแต่ละราย
2) มาตรการสินเชื่อเติมทุน สาหรับซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการผ่านโครงการ Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้ วงเงินต่อรายสูงสุด 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ MLR - 1 ต่อปี (ปัจจุบัน MLR ของ ธพว. เท่ากับร้อยละ 7.5 ต่อปี) ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี ปลอดชาระเงินต้นสูงสุด 6 เดือนแรก
ทั้งนี้ สามารถแสดงความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนาเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) จัดทามาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย แบ่งเป็น
- มาตรการช่วยเหลือสาหรับวงเงินกู้ระยะสั้น ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงินสูงสุด 180 วัน เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราวสูงสุดร้อยละ 20 ของวงเงินหมุนเวียนเดิม สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท และเปลี่ยนแปลง ภาระหนี้ระยะสั้นเป็นภาระหนี้ระยะยาวผ่อนชาระสูงสุด 3 ปี
- มาตรการช่วยเหลือสาหรับวงเงินกู้ระยะยาว ขยายระยะเวลาเงินกู้สูงสุด 7 ปี ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปีแรกลงร้อยละ 0.50% หรือจ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 50 ในช่วง 6 เดือนแรก และพักชาระหนี้เงินต้นสูงสุด 1 ปี
ทั้งนี้ สามารถแสดงความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการผ่านทางเว็ปไซต์ของ ธสน. ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) สาหรับกลุ่มลูกค้าเดิมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ จะได้รับการพักชาระหนี้เงินต้น ชาระเฉพาะอัตรากาไร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน โดยให้ขยายระยะเวลาออกไป ไม่เกินระยะเวลาที่พักชาระและได้รับการยกเว้นค่าชดเชยผิดนัดชาระ (Late charge) ที่เกิดขึ้นทั้งจานวนจนถึงวันที่ปรับปรุงบัญชี ทั้งนี้ สามารถยื่นคาขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
3
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จัดทามาตรการช่วยเหลือลูกค้าและลูกหนี้ของ บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยปี 2567 ประกอบด้วย
1) มาตรการพักชาระค่าธรรมเนียม สาหรับลูกค้า บสย. ที่ถึงกาหนดชาระค่าธรรมเนียมการค้าประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้าประกันตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 สามารถพักชาระค่าธรรมเนียมการค้าประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้าประกันเป็นระยะเวลา 6 เดือนนับจากวันถึงกาหนดชาระ
2) มาตรการพักชาระค่างวด สาหรับลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ระหว่างผ่อนชาระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้และไม่ผิดนัดชาระหนี้สามารถพักชาระค่างวดเป็นระยะเวลา 3 งวด โดยขอเข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2567
กระทรวงการคลังเห็นว่า มาตรการดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งเกษตรกร ประชาชนรายย่อย และผู้ประกอบการในพื้นที่สามารถลดภาระต้นทุนและให้มีเงินทุนหมุนเวียน สามารถฟื้นฟูกิจการ ปรับปรุงและซ่อมแซมอาคาร โรงงาน เครื่องจักร เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพและดาเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อสถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่งเพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะออกมาตรการที่เหมาะสมมาดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดาเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุดและไม่เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
o ธนาคารออมสิน โทร. 02 299 800 หรือสายด่วน 11115
o ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โทร. 02 555 0555
o ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร. 02 645 9000
o ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร. 02 265 3000 หรือสายด่วน 1357
o ธนาคารเพื่อการส่งออกและนาเข้าแห่งประเทศไทย โทร. 02 169 9999
o ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โทร. 02 650 6999 หรือสายด่วน 1302
o บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม โทร. 02 890 9999999
สรุปมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 2567 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
SFIs มาตรการ พักชาระหนี้ มาตรการ ลดดอกเบี้ย มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่า มาตรการอื่น ๆ
/
/
/
/ / /
/
/
/
มาตรการสินไหมเร่งด่วน (ประกันภัย) / /
/
/
/
/
/


          ที่มา: กระทรวงการคลัง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ