เศรษฐกิจไทย
เครื่องชี้เศรษฐกิจรายสัปดาห์
สรุปสถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุด
? สถานการณ์เศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปไทย เดือน ธ.ค. 67 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ต่อปี โดย
มีปัจจัยหลักจากการสูงขึ้นของราคาน้ามันเชื้อเพลิงและราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวสูงขึ้น
เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้วอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสูงขึ้นร้อยละ 0.8 ต่อปี ในส่วนการบริโภคภาคเอกชน
หดตัวจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ธ.ค. 67 หดตัวที่ร้อยละ -5.0 ต่อปี ภาคการลงทุน
เอกชนยังคงหดตัวจากปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ธ.ค. 67 หดตัวที่ร้อยละ -16.2 ต่อปี
และดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือน ธ.ค. 67 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ต่อปี ด้านการท่องเที่ยว จ้านวนนักท่องเที่ยว
ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย วันที่ 1-5 ม.ค. 68 มีจ้านวนนักท่องเที่ยว 5.05 แสนคน และตั้งแต่
วันที่ 1 ม.ค.? 31 ธ.ค. 67 มีจ้านวนทั้งสิ้น 35.54 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 26.3 ต่อปี
ปัจจัยเสี่ยง
? การสูงขึ้นของราคาน้ามันเชื้อเพลิงส่งผลต่อต้นทุนสินค้า
? เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงจากหนี้ครัวเรือนสูง ซึ่งกระทบต่อการบริโภคและการลงทุน
ข้อเสนอแนะ
? โครงการ ?คุณสู้ เราช่วย? จะเป็นส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง รวมทั้ง
ลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ขนาดเล็ก
เครื่องชี้เศรษฐกิจรายสัปดาห์
สถานการณ์ภาครัฐ
? หนี้สาธ รณะค งค้าง ณ สิ้น เดือน พ .ย. 67 มีจ้านวน ทั้งสิ้น 11.9 ล้านล้านบา ท หรือ คิด เป็น
ร้อยละ 64.4 ของ GDP
? ผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ? 3 มกราคม
2568 พบว่า ณ วันที่ 3 มกราคม 2568 วงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 9.6
แสนล้านบาท เบิกจ่ายได้ที่จ้านวน 1.3 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.2 หากรวมการก่อหนี้ผูกพัน
มีการใช้จ่ายที่จ้านวน 2.2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.2 โดยสัปดาห์แรกของเดือนเบิกจ่ายได้
เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.20 น้อยกว่าที่ต้องเบิกจ่ายต่อสัปดาห์ที่ร้อยละ 2.5 เพื่อให้บรรลุ
เป้าหมาย ณ สิ้นเดือนที่กรมบัญชีกลางคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 23.3 หรือต้ากว่าเป้าหมายร้อยละ 10.1 จึง
จ้าเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุนในสัปดาห์ถัดไป โดยควรเร่งรัดใน 5 กระทรวงที่มีวงเงินสูง ได้แก่
กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการ
อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และควรเร่งรัดในจังหวัดวงเงินสูง ได้แก่ นครราชสีมา ชลบุรี
สมุทรปราการ เชียงใหม่ และขอนแก่น
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย
4
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ธ.ค. 67เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 1.2ต่อปี
?
เงินเฟ้อทั่วไปไทย เดือน เดือน ธ.ค. 67 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 (YoY) ต้ากว่าที่ สศค. คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ร้อยละ 1.5) โดยมีปัจจัยหลักจากการสูงขึ้นของราคาน้ามันเชื้อเพลิงเป็นผลจากฐานราคาต้าในปีก่อน และราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวสูงขึ้น จากราคาผลไม้สด เครื่องประกอบอาหาร และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
?
เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงร้อยละ -0.18 (MoM) จากการลดลงของราคาไก่สด ไข่ไก่ และผักสด ขณะที่สินค้าที่สูงขึ้นจากเดือนก่อน ได้แก่ ค่าเช่าบ้าน แก๊สโซฮอล์ข้าวสารเจ้า น้ามันพืช และกาแฟผงส้าเร็จรูป เป็นต้น และเมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้วอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสูงขึ้นร้อยละ 0.79 (YoY) และสูงขึ้นที่ร้อยละ 0.05 (MoM)
?
ทั้งนี้ เมื่อดูองค์ประกอบของการเปลี่ยนแปลง (Contribution YoY) พบว่า หมวดยานพาหนะและน้ามันเชื้อเพลิง หมวดอาหารส้าเร็จรูป และหมวดค่าไฟฟ้า เป็นปัจจัยบวกที่ท้าให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ +0.58 +0.36 และ +0.08 ตามล้าดับ และเมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้วอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสูงขึ้นร้อยละ 0.8 (YoY) และสูงขึ้นที่ร้อยละ 0.05 (MoM
?
โดยทั้งปี 67 เงินเฟ้อทั่วไปขยายตัวร้อยละ 0.4 ตรงตามที่สศค.คาดการณ์ไว้
ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือนธ.ค. 6767เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.40.4เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือน ธ.ค. 6767เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.40.4เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุจากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา หมวดวัสดุฉาบผิว หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต และหมวดไม้และผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 1.8 1.2 และ 1.01.0ตามล้าดับ เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นตามราคาน้ามันดีเซลสูงกว่าปีที่ผ่านมา และความต้องการใช้ในการก่อสร้างด้านคมนาคมเร่งตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการก่อสร้างในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นตามจ้านวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ขณะที่หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กมีดัชนีราคาลดลงจากปัญหาที่ยืดเยื้อของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวกดดันราคาเหล็กลดลง รวมทั้งหมวดซีเมนต์ และหมวดกระเบื้อง ที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์โดยทั้งปี 67 หดตัวที่ร้อยละ 0.2
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย
ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ธ.ค. 67หดตัวที่ร้อยละ -5.0เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลหดตัวที่ร้อยละ -2.2 ท้าให้ไตรมาสที่ 4 ปี 67 หดตัวที่ร้อยละ -1.8ต่อปี
ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่กลับมาหดตัวลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากคาดว่าได้รับปัจจัยกดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่บั่นทอนต่อก้าลังซื้อของผู้บริโภค อีกทั้งความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถ จากปัญหาหนี้เสียในสินเชื่อกลุ่มนี้ที่อยู่ในระดับสูงอย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนการบริโภคของประชาชนในระยะต่อไป
ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ธ.ค. 67 หดตัวที่ร้อยละ 16.216.2เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวที่ร้อยละ 4.8
ในเดือน ธ.ค. 6767ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่หดตัวร้อยละ 16.216.2และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล(Van และ Pick up หดตัวที่ร้อยละ 25.525.5ซึ่งเป็นการหดตัวอย่างต่อเนื่อง มาจากปัญหาหนี้เสียที่ยังอยู่ในระดับสูงส่งผลให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบธุรกิจ
วันที่ 1 5 ม.ค. 2568 มีจ้านวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจ้านวน 5.05 แสนคน โดยจ้านวนนักท่องเที่ยวในสัปดาห์นี้ชะลอตัวลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าเนื่องจากมีการชะลอตัวด้านการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติในทุกกลุ่มตลาด ซึ่งเป็นแนวโน้มปกติหลังสิ้นสุดเทศกาลปีใหม่
จ้านวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย วันที่ 1-5 ม.ค. 68 มีจ้านวนนักท่องเที่ยว 5.05 แสนคน และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค 31 ธ.ค. 67 (YTD) มีจ้านวนทั้งสิ้น 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท คิดเป็นค่าใช้จ่าย/คน/ทริป ที่ 46,982 บาท โดยในช่วงที่ผ่านมาจ้านวนนักท่องเที่ยวรายสัปดาห์มีจ้านวนลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าเนื่องจากมีการชะลอตัวด้านการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติในทุกกลุ่มตลาด ซึ่งเป็นแนวโน้มปกติหลังสิ้นสุดเทศกาลปีใหม่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดการณ์ว่า ในสัปดาห์ถัดไปจะมีจ้านวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น จากมาตรการ Ease of TravelingTravelingของรัฐบาล ที่จะช่วยเพิ่มอ้านวยความสะดวกในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และการยกเว้นบัตร ตม.6ท้าให้การเดินทางมาท่องเที่ยวทางบกสะดวกเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จ้านวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดในเดือนธันวาคม 2567มีแนวโน้มต้ากว่าคาดการณ์เล็กน้อย ประมาณ 1 แสนคน ซึ่ง สศค. คาดการณ์ว่าปี 67 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา 36.0 ล้านคน สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปที่ 47,000 บาท (คาดการณ์ ณ เดือน ต.ค. 67 ) อย่างไรก็ตาม จากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไททั้งสิ้น 35.54 ล้านคน (26.3%YoY YoY) สร้างรายด้านการท่องเที่ยวประมาณ 1.67ล้านล้านบาท
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน พ.ย.67 มีจ้านวนทั้งสิ้น11 9 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 64.44.4ของ GDPGDPและเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 112,995.4ล้านบาท
ทั้งนี้ สถานะหนี้สาธารณะของไทยถือว่ามีความมั่นคง สะท้อนได้จากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDPGDPยังอยู่ในระดับต้ากว่ากรอบวินัยในการบริหารหนี้สาธารณะที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 770 ของ GDPGDPและหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะยาว โดยแบ่งตามอายุคงเหลือคิดเป็นร้อยละ 86.55ของยอดหนี้สาธารณะและเป็นหนี้ในประเทศคิดเป็นร้อยละ 999ของยอดหนี้สาธารณะ
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย
ผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 3 มกราคม 2568พบว่า ณ วันที่ 3 มกราคม 2568 วงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 9.6 แสนล้านบาท เบิกจ่ายได้ที่จ้านวน 1.33แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.22หากรวมการก่อหนี้ผูกพัน มีการใช้จ่ายที่จ้านวน 2.22แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.2
โดยจ้านวนเงินที่ต้องเบิกจ่ายในช่วงที่เหลือของงบประมาณ 2568 (วันที่ 44ม.ค. -30ก.ย. 2568) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนที่ร้อยละ 80 ตามประมาณการของกรมบัญชีกลาง อยู่ที่ 6.6.4 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 66.8ทั้งนี้ ณ สัปดาห์แรกของเดือน มกราคม 2562568 ผลอัตราการเบิกจ่ายการลงทุนที่ร้อยละ 13.22เบิกจ่ายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2น้อยกว่าที่ต้องเบิกจ่ายต่อสัปดาห์ที่ร้อยละ 2.5 เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ณ สิ้นเดือนที่กรมบัญชีกลางคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 23.3 หรือต้ากว่าเป้าหมายที่ร้อยละ 10.1 จึงจ้าเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุนในสัปดาห์ถัดไป โดยมีแนวทางดังนี้
1) งบกระทรวง ควรเร่งรัดการลงทุนโดยเฉพาะกระทรวงที่มีวงเงินขนาดใหญ่ 5อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงคมนาคม (วงเงินลงทุน 1.8 แสนล้านบาท) กระทรวงมหาดไทย (วงเงินลงทุน 1.0 แสนล้านบาท) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (วงเงินลงทุน 8.88หมื่นล้านบาท) กระทรวงกลาโหม (วงเงินลงทุน 4.22หมื่นล้านบาท) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (วงเงินลงทุน 3.1 หมื่นล้านบาท)
2) งบจังหวัด ควรเร่งรัดการลงทุนโดยเฉพาะจังหวัดที่มีวงเงินขนาดใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนให้เม็ดเงินหมุนเวียนสู่จังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ นครราชสีมา (วงเงินลงทุน 356.44ล้านบาท) ชลบุรี (วงเงินลงทุน 329.88ล้านบาท) สมุทรปราการ (วงเงินลงทุน 298.0 ล้านบาท) เชียงใหม่ (วงเงินลงทุน 296.33ล้านบาท) และขอนแก่น (วงเงินลงทุน290.2290.2ล้านบาท)
ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน พ.ย. 677เกินดุลที่ 2,034.44ล้านดอลลาร์สหรัฐเกินดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 659.33ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยเดือน พ.ย. 677ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน เกินดุลที่11.55ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกินดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุลที่ -787.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดุลการค้า (ตามระบบ BOP) เกินดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่2,022.99ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส้าหรับดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 677เกินดุลรวม 9,422.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Current Account
9
ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย
สินเชื่อในสถาบันการเงินเดือน พ.ย. 677มียอดคงค้าง 20. 11ล้านล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 0.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน
เงินฝากในสถาบันการเงินเดือน พ.ย. 677มียอดคงค้าง 225.57ล้านล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 3.2จากช่วงเดียวกันปีก่อน
หรือขยายตัวที่ร้อยละ 0.12จากเดือนก่อนหน้า (หลังขจัดผลทางฤดูกาล) เมื่อแยกประเภทการขอสินเชื่อพบว่าสินเชื่อเพื่อธุรกิจหดตัวชะลอลงที่ร้อยละ -0.11จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ สินเชื่อเพื่อการบริโภคขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ 0.22จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
หรือหากขจัดผลทางฤดูกาลแล้วจะหดตัวที่ร้อยละ -0.2จากเดือนก่อนหน้า โดยเงินฝากในธนาคารพาณิชย์และเงินฝากในสถาบันการเงินเฉพาะกิจขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ 2.0และ 5.5จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามล้าดับ
เครื่องชี้ภาคการเงิน
ระดับสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ในเดือนพ.ย. 67คิดเป็น 2.0505เท่าของสินทรัพย์สภาพคล่องที่ด้ารงตามกฎหมาย
โดยยอดคงค้างสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบในเดือน พ.ย.67 อยู่ที่ 5. 88ล้านล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ธปท. ได้ปรับเกณฑ์การด้ารงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์จากเกณฑ์เดิมที่ต้องด้ารงสินทรัพย์สภาพคล่องไม่ต้ากว่าร้อยละ 6 ของเงินรับฝากเป็นไม่ต้ากว่าร้อยละ 100 (หรือ 1.0 เท่า) ของประมาณการกระแสเงินสดไหลออกสุทธิในสภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR)
ตั้งแต่เดือน ม.ค. 59
เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ
ที่มา: ฐานข้อมูล CEIC และ TradingeconomicsTradingeconomicsรวมรวบโดย สศค.
มูลค่าการส่งออกสินค้า เดือน พ.ย. 67ขยายตัวที่ร้อยละ 5.1ต่อปี จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
มูลค่าการน้าเข้าสินค้า เดือน พ.ย. 67ขยายตัวที่ร้อยละ 7.0ต่อปี จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ดุลการค้า เดือน พ.ย. 67ขาดดุลที่ -99.7หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
จ้านวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (29 ธ.ค. 67 -4 ม.ค. 68) อยู่ที่ 2.01 แสนราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าและน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้ จ้านวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ (four week moving average) ซึ่งขจัดความผันผวนรายสัปดาห์แล้ว ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้ายมาอยู่ที่ 2.13แสนราย
สหรัฐอเมริกา
ยูโรโซน
ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 51.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 49.5จุด และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 51.4จุด โดยดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50.0จุด บ่งชี้การขยายตัวของภาคบริการ
อัตราเงินเฟ้อ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ร้อยละ 2.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 2.2และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์
อัตราการว่างงาน เดือน พ.ย. 67 อยู่ที่ร้อยละ 6.3 ของก้าลังแรงงานรวม ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ -14.5 จุดลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ -13.8จุด และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์
ยอดค้าปลีก เดือน พ.ย. 67 ขยายตัวร้อยละ 1.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.1จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของญี่ปุ่น (au Jibun Bank PMI) เดือน ธ.ค. 67อยู่ที่ 50.9 นี้ต่อเนื่องจาก 50.5 ในเดือนก่อนหน้า แสดงถึงการเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองในภาคบริการ และเป็นอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 67จากการเพิ่มขึ้นของค้าสั่งซื้อใหม่อย่างต่อเนื่อง และการจ้างงานก็เพิ่มเช่นกัน
การใช้จ่ายของครัวเรือน (Household spending) เดือน พ.ย. 67หดตัวลงในแง่ของมูลค่าที่แท้จริง ร้อยละ -0.4 ต่อปี ต่อเนื่องจากการลดลง ร้อยละ -1.3ต่อปี ในเดือนก่อนหน้า นับเป็นการลดลงเดือนที่สี่ติดต่อกัน
ดัชนี PMIPMIภาคบริการ (CaixinCaixin) เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 52.2 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 51.5 จุด ซึ่งดัชนียังคงสูงกว่าระดับ 50จุด บ่งชี้ถึงภาคบริการที่ยังมีการขยายตัว
อัตราเงินเฟ้อ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ร้อยละ 0.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 0.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 50.8 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.5จุด ซึ่งดัชนียังคงสูงกว่าระดับ 50จุด บ่งชี้ถึงภาคบริการที่ยังมีการขยายตัว
มูลค้าการส่งออกสินค้า เดือน พ.ย. 67 หดตัวที่ร้อยละ -4.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวที่ร้อยละ -10.1จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
มูลค้าการน้าเข้าสินค้า เดือน พ.ย. 67ขยายตัวที่ร้อยละ 6.17จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวตัวที่ร้อยละ -3.29จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดุลการค้า เดือน พ.ย. 67 เกินดุลที่ระดับ 7.07 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เกินดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 5.67 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
อัตราเงินเฟ้อ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ร้อยละ 2.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 2.5จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผลผลิตอุตสาหกรรม เดือน พ.ย. 67 หดตัวที่ร้อยละ -3.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.3จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อัตราการว่างงาน เดือน พ.ย. 67 อยู่ที่ร้อยละ 3.2 ของก้าลังแรงงานรวม ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 3.9ของก้าลังแรงงานรวม
มูลค้าการส่งออก เดือน พ.ย. 67 หดตัวที่ร้อยละ -8.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวที่ร้อยละ -5.0จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
มูลค้าการน้าเข้า เดือน พ.ย. 67 หดตัวที่ร้อยละ -4.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 11.3จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดุลการค้า เดือน พ.ย. 67 ขาดดุลที่ระดับ -4.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐขาดดุลลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุลที่ระดับ -5.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อัตราการว่างงานเดือน พ.ย. 67 อยู่ที่ร้อยละ 3.2 ของก้าลังแรงงานรวม ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ต้าที่สุดนับตั้งแต่ ม.ค. 63
ผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. 67ขยายตัวที่ร้อยละ 3.6จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 2.0 และสูงกว่าคาดการณ์ตลาดที่ร้อยละ 2.6นับเป็นการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11และเป็นการขยายตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ ส.ค. 67
อัตราเงินเฟ้อ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ร้อยละ 2.10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 2.08 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้เป็นไปตามคาดการณ์ของตลาดและเป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ ส.ค. 67อันเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในหมวดอาหารและหมวดที่อยู่อาศัย เป็นส้าคัญ
การส่งออก เดือน ธ.ค. 67 ขยายตัวที่ร้อยละ 9.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 9.7จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่สูงกว่าคาดการณ์ตลาดที่คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 6.5จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการขยายตัวของการส่งออกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของยอดส่งออกสินค้าในหมวดชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หมวดอุปกรณ์ส้าหรับสารสนเทศ การสื่อสาร และโสตทัศนูปกรณ์ และ หมวดโลหะพื้นฐาน หมวดเครื่องจักร และหมวดยางและพลาสติก เป็นส้าคัญ
การน้าเข้า เดือน ธ.ค. 67 ขยายตัวที่ร้อยละ 30.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 19.8และสูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ร้อยละ 15.1การน้าเข้าในเดือนนี้มีอัตราการขยายตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 67 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการน้าเข้าสินค้าในหมวดหมวดอุปกรณ์ส้าหรับสารสนเทศ การสื่อสาร และโสตทัศนูปกรณ์ หมวดเครื่องจักร และหมวดเคมีภัณฑ์ เป็นส้าคัญ
ดุลการค้า เดือน ธ.ค. 67 เกินดุลอยู่ที่ 6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เกินดุลลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ 7.9พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และต้ากว่าคาดการณ์ตลาดที่ 8.5พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ไต้หวัน
อินเดีย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของ HSBC เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ 59.3 จาก 58.4 ในเดือนก่อนหน้า นี่นับเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 41ในกิจกรรมภาคบริการ และเป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 67โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค้าสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4เดือน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของ S&P GlobalGlobalเดือน ธ.ค. 67 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 51.5 จาก 53.9 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดของกิจกรรมภาคเอกชนนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 66เนื่องจากการผลิตและการเติบโตของค้าสั่งซื้อใหม่ชะลอตัวลง
GDP
GDPไตรมาสที่ 4 ปี 67 ขยายตัวร้อยละ 7.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 7.4จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 1.6เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (หลังขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว)
มูลค่าการส่งออก เดือน ธ.ค. 67 ขยายตัวร้อยละ 12.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 8.2จากช่วงเดียวกันปีก่อน
มูลค่าการน้าเข้า เดือน ธ.ค. 67 ขยายตัวร้อยละ 19.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าทีขยายตัวร้อยละ 9.8จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ดุลการค้า เดือน ธ.ค. 67 เกินดุลที่ระดับ 0.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เกินดุลลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ระดับ 1.06พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อัตราเงินเฟ้อ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ร้อยละ 2.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 2.8จากช่วงเดียวกันปีก่อน และนับเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน ส.ค. 67
ยอดค้าปลีก เดือน พ.ย. 67 ขยายตัวร้อยละ 8.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 7.1จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ธ.ค. 67 ขยายตัวร้อยละ 8.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 8.0จากช่วงเดียวกันปีก่อน
เวียดนาม
เกาหลีใต้
บัญชีเดินสะพัด เดือน พ.ย. 67 เกินดุล 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่เจ็ด โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ที่แข็งแกร่ง โดยบัญชีสินค้ามียอดเกินดุล 9.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ต่อปี เป็น 57.10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การน้าเข้าลดลงร้อยละ -4.4 ต่อปี เป็น 47.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในทางตรงกันข้าม บัญชีบริการขาดดุล -2.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนการขาดดุลในด้านบริการการผลิต การท่องเที่ยว และบริการธุรกิจอื่น ๆ บัญชีรายได้ปฐมภูมิมียอดเกินดุล 1.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และบัญชีรายได้ทุติยภูมิขาดดุล -0.30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ยอดค้าปลีก เดือน พ.ย. 67 ขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.5จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 127.7 จุดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 125.9จุด
ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 51.1 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.8 จุด ซึ่งดัชนียังคงสูงกว่าระดับ 50 จุด บ่งชี้ถึงภาคบริการที่ยังมีการขยายตัว
อัตราเงินเฟ้อ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ร้อยละ 1.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า แต่ต้ากว่าคาดการณ์ของตลาดที่ร้อยละ 1.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในเดือนนี้ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานจะพลิกกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากลดลงในเดือนก่อนหน้า แต่อัตราเงินเฟ้อในหมวดอาหารขยายตัวในทิศทางที่ชะลอลง
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (PMI) finalfinalเดือน ธ.ค. 67อยู่ที่ระดับ 41.9จุด ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 43.1 จุด ทั้งนี้ดัชนีอยู่ในระดับต้ากว่า 50บ่งชี้การหดตัวของภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 22และเป็นระดับการหดตัวที่ต้าที่สุดในรอบ 4ปี 8เดือน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (PMI) final เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 49.3 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 46.9 จุด และต้ากว่าคาดการณ์ตลาดที่ระดับ 48.2 จุด ทั้งนี้ดัชนีอยู่ในระดับต้ากว่า 50 บ่งชี้การหดตัวของภาคบริการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 อันเนื่องจากการหดตัวลงของผลผลิตและยอดค้าสั่งซื้อใหม่
อินโดนีเซีย
ยอดค้าปลีก เดือน พ.ย. 67 ขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.5จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 127.7 จุดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 125.9จุด
สเปน
ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 57.3 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 53.1จุด และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 54.1จุด โดยดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50.0จุด บ่งชี้การขยายตัวของภาคบริการ
อัตราเงินเฟ้อ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ร้อยละ 2.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 2.8จากช่วงเดียวกันปีก่อน และต้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.8จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 50.7 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 49.2จุด และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 51.3จุด โดยดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50.0จุด บ่งชี้การขยายตัวของภาคบริการ
อัตราการว่างงาน เดือน พ.ย. 67 อยู่ที่ร้อยละ 5.7 ของก้าลังแรงงานรวม ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยุ่ที่ร้อยละ 5.8ของก้าลังแรงงานรวม
ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 51.2 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 49.3จุด และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 51.0จุด โดยดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50.0จุด บ่งชี้การขยายตัวของภาคบริการ
ยอดค้าปลีก เดือน พ.ย. 67 ขยายตัวร้อยละ 2.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.4จากช่วงเดียวกัน และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.9
เครื่องชี้ตลาดเงิน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ดัชนี SETSETปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน สอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน เช่นShanghai จีน) IDX อินโดนีเซีย) และ NikkeiNikkei225 ญี่ปุ่น) เป็นต้น เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 68 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,362.97 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยระหว่างวันที่ 6 9 ม.ค. 68 อยู่ที่39,678.38 ล้านบาทต่อวันโดยนักลงทุนทั่วไปในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ ขณะที่ นักลงทุนสถาบันในประเทศ นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิ ทั้งนี้ระหว่างวันที่ 6 -9ม.ค. 68 นักลงทุนต่างชาติ ขายหลักทรัพย์สุทธิ -279.60ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 11เดือน ถึง 2 ปี ปรับตัวลดลงในช่วง -2 ถึง 11 bpsbpsเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 ปี ถึง 20 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 1 ถึง 4 bpsbpsเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยในสัปดาห์นี้นักลงทุนมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 6ปี และ 32ปี ซึ่งมีนักลงทุนสนใจ 3.09และ 2.38เท่าของวงเงินประมูล ตามล้าดับ ทั้งนี้ ระหว่างวันที่6-9ม.ค. 68กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลออกจากตลาดพันธบัตรสุทธิ -3,794.92 ล้านบาท และหากนับจากต้นปีจนถึงวันที่ 9 ม.ค. 68กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลออกจากตลาดพันธบัตรสุทธิ-9,673.08 ล้านบาท
เงินบาทอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อน โดย ณ วันที่9 ม.ค.68เงินบาทปิดที่ 34.67 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงร้อยละ -1.38 จากสัปดาห์ก่อนหน้าสอดคล้องกับเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค อาทิ เงินสกุลเยน ยูโร ริงกิตเปโซ ดอลลาร์ไต้หวัน ดอลลาร์สิงคโปร์ และหยวน ที่ปรับตัวอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ เงินสกุลวอน ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่ามากกว่าเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาคส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEERNEER) อยู่ที่ร้อยละ -1.20
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง