รายงานภาวะเศรษฐกิจรายสัปดาห์ (Weekly) ณ 7 มี.ค. 68

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 12, 2025 14:12 —กระทรวงการคลัง

เศรษฐกิจไทย

เครื่องชี้เศรษฐกิจรายสัปดาห์

สรุปสถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุด

? สถานการณ์เศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ เงินเฟ้อทั่วไปไทย เดือน ก.พ. 68 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ต่อปี และ อัตราเงินเฟ้อ

พื้นฐาน สูงขึ้นร้อยละ 1.0 ต่อปี ในส่วนปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ก.พ. 68 ขยายตัว

ต่อเนื่องร้อยละ 2.4 ต่อปี เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีกาลังซื้อมากขึ้นจากมาตรการรัฐทั้งในด้านการกระตุ้นการ

บริโภคและมาตรการด้านการแก้ไขปัญหาหนี้ ขณะที่ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ก.พ.

68 หดตัวที่ร้อยละ -11.5 ต่อปี และจ นวน นักท่องเที่ยวต่างชาติวันที่ 24 ก.พ. - 2 มี.ค. 2568

มีจ นวน 6.7 แสนคน ทั้งนี้ ใน เดือน ก .พ.68 ที่ผ่านมกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า

มีจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งหมด 3.1 ล้านคน ซึ่งต่ากว่าคาดการณ์ของ สศค. ที่คาดการณ์ไว้ที่

3.2 ล้านคน

ปัจจัยเสี่ยง

? ปัญหาผู้ประกอบการยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น

จากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่า และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

ข้อเสนอแนะ

? ควรมีมาตรการช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน เช่น การสนับสนุนค่าพลังงานและการกระตุ้น

การบริโภคในประเทศ

เครื่องชี้เศรษฐกิจรายสัปดาห์

สถานการณ์ภาครัฐ

ผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน

? ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 วงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 9.3

แสนล้านบาท เบิกจ่ายได้ที่จานวน 1.97 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 21.1 โดยสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

เบิกจ่ายได้เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.97 น้อยกว่าที่ต้องเบิกจ่ายต่อสัปดาห์ที่ร้อยละ 8.1 และต่ากว่า

เป้าหมายที่กรมบัญชีกลางคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 29.2 จึงจาเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุน

โดยเฉพาะใน 5 กระทรวงที่มีวงเงินสูง เช่น ได้แก่ กระทรวงคมนาคม (วงเงินลงทุน 1.8 แสนล้านบาท)

กระทรวงมหาดไทย (วงเงินลงทุน 1.0 แสนล้านบาท) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (วงเงินลงทุน 8.8 หมื่น

ล้านบาท) กระทรวงกลาโหม (วงเงินลงทุน 4.2 หมื่นล้านบาท) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์

วิจัยและนวัตกรรม (วงเงินลงทุน 3.1 หมื่นล้านบาท)

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย

ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ก.พ. 68 ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 2.4เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล หดตัวร้อยละ -2.9

ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 2.4 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีกาลังซื้อมากขึ้นจากมาตรการรัฐทั้งในด้านการกระตุ้นการบริโภคและมาตรการด้านการแก้ไขปัญหาหนี้ อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้า ตลาดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ยังคงมีปัจจัยกดดันอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาหนี้ครัวเรือน ความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถ และความไม่แน่นอนในสภาวะอากาศแปรปรวน

ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ก.พ. 6868หดตัวที่ร้อยละ 11.511.5เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวที่ร้อยละ 0.5

ในเดือน ก.พ. 6868ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่หดตัวร้อยละ 11.511.5และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล(Van และ Pick up หดตัวที่ร้อยละ 7.57.5ซึ่งเป็นการหดตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถาบันการเงินยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จากปัญหาหนี้เสียที่ยังอยู่ในระดับสูง แต่ขณะที่การลดลงของอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลดีต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบธุรกิจ

วันที่ 24 ก.พ. -2 มี.ค. 2568 มีจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจานวน 6.77แสนคน โดยจานวนนักท่องเที่ยวในสัปดาห์นี้ชะลอตัวลง จากการชะลอตัวด้านการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้และระยะไกล เนื่องจากสิ้นสุดการท่องเที่ยวฤดูหนาว และการเข้าสู่ช่วงการถือศีลอดของชาวมุสลิม

จานวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย วันที่2424ก.พ 2 มี.ค. 2568 มีจานวนนักท่องเที่ยว 6.77แสนคน และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค 2 มี.ค. 68 (YTD) มีจานวนทั้งสิ้น 7.0 ล้านคน สร้างรายได้ 3.4 แสนล้านบาท คิดเป็นค่าใช้จ่าย/คน/ทริป ที่ 48,948,909 บาทโดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัวลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า เนื่องจากสิ้นสุดการท่องเที่ยวฤดูหนาวและการเข้าสู่ช่วงเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิม ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่มระยะใกล้ชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาติมุสลิมจาก มาเลเซีย และอินโดนีเซีย สอดคล้องกับจานวนนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกลที่ชะลอตัวลงจากการสิ้นสุดฤดูหนาวด้วยเช่นกนั

สาหรับสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีจานวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในระดับที่เพิ่มขึ้น จากปัจจัยเสริม ได้แก่ การประกาศปี Amazing Thailand Grand Tourism and

Sport Year 2025 และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการแข่งขันกีฬาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการยกเว้นบัตร ตม.6ในด่านทางบก รวมถึงสายการบินหลายสายมีการเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น

ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า มีจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งหมด 3.1 ล้านคน ซึ่งต่ากว่าคาดการณ์ของ สศค. ที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.2 ล้านคน (คาดการณ์ เมื่อ ม.ค. 68) อย่างไรก็ตาม สศค. คากการ์ไว้ว่าในเดือนมีนาคม 2568 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 3.1ล้านคน

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย

ผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2567 28 ก.พ. 2568พบว่า ณ วันที่ 28 ก.พ. 2568 วงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 9.3 แสนล้านบาท เบิกจ่ายได้ที่จานวน 1.97 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 21.1 หากรวมการก่อหนี้ผูกพัน มีการใช้จ่ายที่จานวน 3.88แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40.7

โดยจานวนเงินที่ต้องเบิกจ่ายในช่วงที่เหลือของงบประมาณ 2568(วันที่ 1มี.ค. -30ก.ย. 2568) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนที่ร้อยละ 80 ตามประมาณการของกรมบัญชีกลาง อยู่ที่ 5.55แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 58.9ทั้งนี้ ณ สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ 2562568 ผลอัตราการเบิกจ่ายการลงทุนที่ร้อยละ 21.1 เบิกจ่ายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 77น้อยกว่าที่ต้องเบิกจ่ายต่อสัปดาห์ที่ร้อยละ 8.11เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ณ สิ้นเดือนที่กรมบัญชีกลางคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 29.22จึงจาเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุนในเดือนถัดไป โดยมีแนวทางดังนี้

1) งบกระทรวง ควรเร่งรัดการลงทุนโดยเฉพาะกระทรวงที่มีวงเงินขนาดใหญ่ 5อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงคมนาคม (วงเงินลงทุน 1.8 แสนล้านบาท) กระทรวงมหาดไทย (วงเงินลงทุน 1.0 แสนล้านบาท) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (วงเงินลงทุน 8.88หมื่นล้านบาท) กระทรวงกลาโหม (วงเงินลงทุน 4.22หมื่นล้านบาท) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (วงเงินลงทุน 3.1 หมื่นล้านบาท)

2) งบจังหวัด ควรเร่งรัดการลงทุนโดยเฉพาะจังหวัดที่มีวงเงินขนาดใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนให้เม็ดเงินหมุนเวียนสู่จังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ นครราชสีมา (วงเงินลงทุน 356.44ล้านบาท) ชลบุรี (วงเงินลงทุน 329.88ล้านบาท) สมุทรปราการ (วงเงินลงทุน 298.0 ล้านบาท) เชียงใหม่ (วงเงินลงทุน 296.33ล้านบาท) และขอนแก่น (วงเงินลงทุน290.2290.2ล้านบาท)

เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ

ดัชนี PMIPMIภาคบริการ (ของ ISM) เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ 53.5 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.8จุด ต่ากว่าที่ตลาดคาดที่ 52.6จุด

ดัชนี PMIPMIภาคการผลิต (ของ ISM) เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ 50.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 50.9จุด ต่ากว่าที่ตลาดคาดที่ 50.5จุด

จานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (23ก.พ. -1มี.ค. 68) อยู่ที่ 2.21แสนราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า และต่ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้ จานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ (four week moving average) ซึ่งขจัดความผันผวนรายสัปดาห์แล้ว เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.24แสนราย

สหรัฐอเมริกา

ยูโรโซน

ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 50.6 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 51.3จุด และต่ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 50.7จุด โดยดัชนีอยู่ระดับสูงกว่า 50.0จุด บ่งชี้การขยายตัวของภาคบริการ

ดัชนี PMI ภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 47.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 46.6จุด แต่ต่ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 47.3จุด โดยดัชนีอยู่ระดับต่ากว่า 50.0จุด บ่งชี้การหดตัวของภาคอุตสาหกรรม

อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ร้อยละ 2.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 2.5จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่อยู่สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ที่ร้อยละ 2.3จากช่วงเดียวกันปีก่อน

อัตราการว่างงาน เดือน ม.ค. 68 อยู่ที่ร้อยละ 6.2 ของกาลังแรงงานรวม ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังอยู่ต่ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ร้อยละ 6.3ของกาลังแรงงานรวม

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.พ. 68 อยู่ทีระดับ -13.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ -14.2จุด และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์

ไต้หวัน

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (PMI) เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 51.5 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 51.1 จุด ทั้งนี้ดัชนีอยู่ในระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 อันเนื่องจากผลผลิตและยอดขายสินค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น

เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ

ดัชนี PMI ภาคอุตสาหกรรม (Caixin) เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 50.8 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.1จุด โดยได้รับแรงสนับสนุนจากยอดคาสั่งซื้อใหม่ที่ขยายตัว

ดัชนี PMI ภาคบริการ (Caixin) เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 51.4 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 51.0จุด โดยได้รับได้รับแรงหนุนจาก การขยายตัวของธุรกิจใหม่ ท่ามกลาง การปรับตัวที่ดีขึ้นของอุปสงค์ในตลาด

มูลค่าการส่งออก เดือน ก.พ. 68 ขยายตัวร้อยละ 2.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากเดือน ธ.ค. 67ที่ขยายตัวร้อยละ 10.7จากช่วงเดียวกันปีก่อน

มูลค่าการนาเข้า เดือน ก.พ. 68 หดตัวร้อยละ -8.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากเดือน ธ.ค. 67ที่ขยายตัวร้อยละ 1.0จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ดุลการค้า เดือน ม.ค. -ก.พ. 68 เกินดุลที่ระดับ 170.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค. 67ที่เกินดุลที่ระดับ 104.84พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จีน

GDP

GDPไตรมาสที่ 4 ปี 67 ขยายตัวที่ร้อยละ 1.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.8จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นการขายตัวที่ร้อยละ 0.6เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (หลังขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว)

ยอดค้าปลีก เดือน ม.ค. 68 ขยายตัวที่ร้อยละ 3.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 4.6จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนี PMIPMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 50.4 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.2จุด เป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 66โดยได้รับแรงหนุนจากยอดคาสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้น

ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 50.8 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 51.1จุด

ออสเตรเลีย

สหราชอาณาจักร

ดัชนี PMIPMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 46.9 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 48.3จุด และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ที่ระดับ 46.4จุด โดยดัชนียังอยู่ต่ากว่าระดับ 50.0จุด บ่งชี้การหดตัวของภาคอุตสาหกรรม

ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 51.0 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.8จุด โดยดัชนียังอยู่สูงว่าระดับ 50.0จุด บ่งชี้การขยายตัวของภาคบริการ

เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ

GDP

ไตรมาส 4 ปี 67 (final) ขยายตัวร้อยละ 1.2ต่อปี (ร้อยละ 0.1จากไตรมาสก่อนหน้า) ส่งผลให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้ปี 67ขยายตัวร้อยละ 2.0จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือน ม.ค. 68 หดตัวร้อยละ -4.1 ต่อปี (หดตัวร้อยละ -2.3ต่อเดือน) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเฉลี่ยในช่วงปี 2519-ปัจจุบัน ขยายตัวร้อยละ 7.93

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (S&P Global Manufacturing PMI) เดือน ก.พ. 68 ลดลงมาอยู่ที่ 49.9 จาก 50.3 ในเดือนก่อนหน้า บ่งชี้ถึงสภาวะการผลิตที่โดยรวมทรงตัว บริษัทต่าง ๆ รายงานการเติบโตเล็กน้อยทั้งในด้านผลผลิตและคาสั่งซื้อใหม่ บริษัทยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับการถือครองสินค้าคงคลังส่วนเกิน ความเชื่อมั่นทางธุรกิจยังคงอยู่ในระดับต่า และตลาดแรงงานเผชิญกับการลดลงของการจ้างงานที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 65 ในด้านเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ ทาให้บริษัทต่าง ๆ เพิ่มราคาขายในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 15เดือน

อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. 68 ชะลอลงเหลือร้อยละ 2 ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบหกเดือนที่ร้อยละ 2.2 ในเดือนก่อนหน้า ข้อมูลนี้เกิดขึ้นหลังจากธนาคารกลางเกาหลี ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps เหลือร้อยละ 2.78 ในการประชุมเดือน ก.พ. โดยให้เหตุผลว่าภาวะเงินเฟ้อเริ่มทรงตัว หนี้ครัวเรือนลดลง และการเติบโตทางเศรษฐกิจซบเซาเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3ชะลอลงจากการเพิ่มขึ้น 0.7ในเดือนก่อนหน้า

ดุลบัญชีสะพัด เกินดุล 2.94 พันล้านดอลลาร์ในเดือน ม.ค. 68 เกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่เก้า จากการส่งออกที่แข็งแกร่ง โดยบัญชีสินค้าเกินดุล 2.50 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากการส่งออกลดลงร้อยละ -9.1 อยู่ที่ 49.81 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การนาเข้าหดตัวร้อยละ -6.2 อยู่ที่ 47.31 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีก่อน ในทางกลับกัน บัญชีบริการขาดดุล 2.06 พันล้านดอลลาร์ จากการขาดทุนในบริการด้านการผลิต การท่องเที่ยว และบริการทางธุรกิจอื่น ๆ บัญชีรายได้ปฐมภูมิเกินดุล 2.62 พันล้านดอลลาร์ จากรายได้ที่สูงขึ้นในส่วนของการลงทุนในตราสารทุน ขณะที่บัญชีรายได้ทุติยภูมิขาดดุลเล็กน้อย 0.12 พันล้านดอลลาร์

เกาหลีใต้

ธนาคารกลางมาเลเซียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.0 ในการประชุมของธนาคารกลางรอบ มี.ค. 68 ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสอดคล้องกับมุมมองของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของมาเลเซีย

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (PMI) เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 49.7 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 48.7 จุด ทั้งนี้ดัชนีอยู่ในระดับต่ากว่า 50 บ่งชี้การหดตัวของภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9แต่อย่างไรก็ตาม ยอดคาสั่งซื้อใหม่ในเดือนนี้เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ ต.ค. 67จากยอดคาสั่งซื้อในประเทศที่เพิ่มขึ้น

ดัชนี PMIPMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 49.2 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 48.9จุด แต่ดัชนีอยู่ระดับต่ากว่า 50.0จุด บ่งชี้การหดตัวของภาคอุตสาหกรรม

ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 68ขยายตัวร้อยละ 17.2จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 0.6จากช่วงเดียวกันปีก่อน

อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ร้อยละ 2.91 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 3.63จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ยอดค้าปลีก เดือน ก.พ. 68 ขยายตัวร้อยละ 9.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 9.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (SIPMM PMI) ภาคการผลิต เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 50.7 ต่าสุดในรอบเจ็ดเดือน แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตยังคงขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าจะในอัตราที่ช้าลง อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของคาสั่งซื้อใหม่ การส่งออกใหม่ ผลผลิตของโรงงาน การซื้อวัตถุดิบ และการจ้างงาน

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (S&P Global PMI) เดือน ก.พ. 68 เพิ่มขึ้นเป็น 51.0 จากระดับ 49.9 ในเดือนก่อนหน้า บ่งชี้ถึงการกลับมาเติบโตของภาคเอกชน คาสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในภาคการเงินและประกันภัย ผลผลิตของภาคเอกชนก็ขยายตัวเช่นกัน แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากข้อจากัดด้านกาลังการผลิต

ยอดค้าปลีก เดือน ม.ค. 68เติบโตขึ้น ร้อยละ 4.5ฟื้นตัวจากการลดลง ร้อยละ -2.9ในเดือนก่อนหน้า นับเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคค้าปลีกตั้งแต่เดือน ก.พ. 67โดยยอดขายฟื้นตัวในหมวดห้างสรรพสินค้า เสื้อผ้าและรองเท้า นาฬิกาและเครื่องประดับ และสินค้าแว่นตาและหนังสือ

สิงคโปร์

อินเดีย

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (HSBC Manufacturing PMI) เดือน ก.พ. 68 ลดลงมาอยู่ที่ 56.3 และต่ากว่าเดือนมกราคมที่ 57.7 แม้ว่าจะเป็นการขยายตัวที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 66 แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงบ่งชี้ถึงสภาวะการดาเนินงานที่แข็งแกร่ง การผลิตและคาสั่งซื้อใหม่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการภายในประเทศและต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อของต้นทุนการผลิตลดลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน และความเชื่อมั่นทางธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (HSBC Service PMI) เดือน ก.พ. 68 ลดลงมาอยู่ที่ 59.0 ตัวเลขล่าสุดยังคงสูงกว่าระดับต่าสุดในรอบ 26 เดือนของเดือน ม.ค. ที่ 56.5 แสดงถึงการขยายตัวของภาคบริการติดต่อกันเป็นเดือนที่ 43 โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ดีขึ้น คาสั่งซื้อใหม่เติบโตเร็ว ขณะที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ยอดขายปลีกในฮ่องกงลดลงร้อยละ 5.2 ในเดือน ม.ค. 68 ซึ่งชะลอตัวลงจากการลดลงร้อยละ 11.3 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันที่กิจกรรมการค้าปลีกลดลง แม้ว่าจะช้าลงก็ตาม เนื่องจากยอดขายเสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ดัชนี S&P Global Hong Kong SAR PMI ลดลงจาก 51.0ในเดือน ม.ค. เหลือ 49.0ในเดือน ก.พ. 68 ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 67 กิจกรรมทางธุรกิจลดลงท่ามกลางคาสั่งซื้อใหม่ที่ลดลง เนื่องมาจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศที่อ่อนแอ โดยเฉพาะจากจีนแผ่นดินใหญ่ ภาคการผลิตพบว่าคาสั่งซื้อและผลผลิตลดลงมากที่สุด ในเวลาเดียวกัน ระดับการจ้างงานลดลงเป็นครั้งที่สองในรอบสามเดือน

ฮ่องกง

ฟิลิปปินส์

ดัชนี PMIPMIภาคการผลิตของ S&P Global PhilippinesPhilippinesลดลงมาอยู่ที่ 51 ในเดือน ก.พ. 68 อย่างไรก็ตาม ข้อมูลพื้นฐานแสดงให้เห็นภาพรวมที่ผสมผสานกัน การเติบโตของคาสั่งซื้อใหม่และผลผลิตลดลง ส่งผลให้กิจกรรมการซื้อเพิ่มขึ้นน้อยลง ในแง่บวก การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของคาสั่งซื้อใหม่ทาให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่มระดับการจ้างงานได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน นอกจากนี้ แรงกดดันด้านต้นทุนก็คลี่คลายลง แนวโน้มการผลิตในอีก 12 เดือนข้างหน้า บริษัทต่าง ๆ แสดงความมั่นใจว่าแนวโน้มอุปสงค์ที่ปรับปรุงดีขึ้น รวมถึงแรงกระตุ้นที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น จะสนับสนุนการเติบโตต่อไป

ดัชนีราคาผู้ผลิตในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ในเดือน ม.ค. 68 ซึ่งถือเป็นอัตราเงินเฟ้อสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 67 เนื่องจากราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสาหรับการผลิตผลิตภัณฑ์เคมีและผลิตภัณฑ์เคมี (ผลิตภัณฑ์โค้กและปิโตรเลียมกลั่น และผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก

อัตราเงินเฟ้อรายปีในฟิลิปปินส์ชะลอลงเหลือร้อยละ 2.1 ในเดือน ก.พ. 68 ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมรายการอาหารและพลังงานบางรายการลดลง เนื่องจากราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ลดลงเป็นหลัก

อัตราการว่างงานในฟิลิปปินส์ลดลงเหลือร้อยละ 4.3 ในเดือน ม.ค. 68 จานวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.17ล้านคน จาก 2.16ล้านคน ในขณะที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็น 48.5ล้านคน จาก 45.9ล้านคน ในกลุ่มอุตสาหกรรมโดยรวม ภาคบริการยังคงเป็นภาคที่มีจานวนผู้มีงานทามากที่สุด

การผลิตภาคการผลิตในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ในเดือน ม.ค. 68 การเร่งตัวดังกล่าวขับเคลื่อนโดยการผลิตอาหารที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการเติบโตประจาปี ผลผลิตยังเพิ่มขึ้นเร็วขึ้นสาหรับสารเคมี (18% เทียบกับ เครื่องจักรและอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องดื่ม

อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ร้อยละ -0.09 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นภาวะเงินฝืดครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 43 โดยราคาที่อยู่อาศัยร่วงลงร้อยละ 12.08 เนื่องจากผลกระทบของอัตราลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 50ในช่วงสองเดือนแรกของปี 68ผลลัพธ์ล่าสุดยังคงอยู่นอกช่วงเป้าหมายของธนาคารกลางเป็นเดือนที่ 2ติดต่อกันที่ร้อยละ 1.5ถึง 3.5

ดัชนี PMI ภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 53.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 51.9จุด เป็นการเติบโตของกิจกรรมโรงงานเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน และเป็นอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 67เนื่องจากคาสั่งซื้อใหม่เติบโตมากที่สุดในรอบเกือบหนึ่งปี ท่ามกลางผลผลิต การจัดซื้อ และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเร็วขึ้น

อินโดนีเซีย

ฝรั่งเศส

GDP

GDPไตรมาส4 ปี 67 finalfinalอยู่ที่ร้อยละ 0.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่ากว่าคาดการณ์ตลาดที่คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 0.7จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขดังกล่าวเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่าที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4ปี 64

อัตราเงินเฟ้อ เดือน ม.ค. 68 เบื้องต้น อยู่ที่ร้อยละ 0.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 1.7จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่ากว่าคาดการณ์ตลาดที่ร้อยละ 1.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในเดือนนี้เป็นผลจากการพลิกกลับมาลดลงของอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงาน และการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงงาน เป็นสาคัญ

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (PMI) finalfinalเดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 45.8 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 45.0จุด และสูงกว่าคาดการณ์ตลาดที่ระดับ 45.5จุด ทั้งนี้ดัชนีอยู่ในระดับต่ากว่า 50 บ่งชี้การหดตัวของภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 66แต่เป็นอัตราที่ต่าที่สุดในรอบ 9เดือน เนื่องจากผลผลิตอุตสาหกรรมและยอดคาสั่งซื้อใหม่ในเดือนนี้หดตัวในอัตราที่ชะลอลง

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (PMI) finalfinalเดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 45.3 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 48.2 แต่สูงกว่าคาดการณ์ตลาดที่ระดับ 44.5 จุด ทั้งนี้ดัชนีอยู่ในระดับต่ากว่า 50บ่งชี้การหดตัวของภาคบริการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6อันเนื่องจากผลผลิตยังคงหดตัวในอัตราเร่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่แล้ว

GDPไตรมาสที่ 4 ปี 67 หดตัวร้อยละ -0.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -0.3จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์

อัตราการว่างงาน เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ร้อยละ 6.2 ของกาลังแรงงานรวม ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดือนก่อนหน้าและเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์

ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 51.1 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 52.5จุด และต่ากว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ที่ระดับ 52.2จุด โดยดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50.0จุด บ่งชี้การขยายตัวของภาคบริการ

ดัชนี PMI ภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 46.5 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 45.0จุด และอยู่สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 46.1จุด อย่างไรก็ดี ดัชนียังอยู่ต่ากว่าระดับ 50.0จุด บ่งชี้การหดตัวของภาคอุตสาหกรรม

เยอรมนี

สเปน

อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ร้อยละ 3.0 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 2.9จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์

ดัชนี PMI ภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 49.7 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.9จุด และต่ากว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ที่ระดับ 51.4จุด โดยดัชนียังอยู่ต่ากว่าระดับ 50.0จุด บ่งชี้การหดตัวของภาคอุตสาหกรรม

ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 56.2 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 54.9จุด `และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ที่ระดับ 55.3จุด โดยดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50.0จุด บ่งชี้การขยายตัวของภาคบริการ

อิตาลี

GDP

ปี 67ขยายตัวเท่ากับปีก่อนหน้าที่ขายตัวที่ร้อยละ 0.7ต่อปี

ดัชนี PMIPMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 47.4 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 46.3จุด ซึ่งดัชนียังคงต่ากว่าระดับ 50จุด บ่งชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัว

ดัชนี PMIPMIภาคบริการ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 53.0 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.4จุด ซึ่งดัชนียังคงสูงว่าระดับ 50จุด บ่งชี้ว่าภาคบริการยังคงขยายตัว

อัตราการว่างงาน เดือน ม.ค. อยู่ที่ร้อยละ 6.3 ของกาลังแรงานรวม ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 6.4ของกาลังแรงงานรวม

ยอดค้าปลีก เดือน ม.ค. 68 ขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

เครื่องชี้ตลาดเงิน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

ดัชนี SETSETปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน สอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน เช่น Nikkei 225 ญี่ปุ่น

TWSE ไต้หวัน) และ IDX อินโดนีเซีย เป็นต้น เมื่อวันที่ 6มี.ค. 68ดัชนีปิดที่ระดับ 1,189.55 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยระหว่างวันที่ 3 6 มี.ค. 68 อยู่ที่49,279.12 ล้านบาทต่อวันโดยนักลงทุนทั่วไปในประเทศ และนักลงทุนสถาบันในประเทศ เป็นผู้ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนต่างชาติ เป็นผู้ขายสุทธิ ทั้งนี้ระหว่างวันที่ 3 -6มี.ค. 68 นักลงทุนต่างชาติ ขายหลักทรัพย์สุทธิ -5,772.37ล้านบาท

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1เดือน ถึง 1ปี ปรับตัวลดลง -1 ถึง -3 bpsbpsเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 ปี ถึง 20 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 1 ถึง 7 bpsbpsโดยในสัปดาห์นี้นักลงทุนมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 11ปี และ 51ปี ซึ่งมีนักลงทุนสนใจ 2.71และ 2.13เท่าของวงเงินประมูล ตามลาดับ ทั้งนี้ ระหว่างวันที่3 -6 มี.ค. 68 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าในตลาดพันธบัตรสุทธิ 1,234.38 ล้านบาท และหากนับจากต้นปีจนถึงวันที่ 6 มี.ค. 68 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลออกจากตลาดพันธบัตรสุทธิ-9,163.29 ล้านบาท

เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดย ณ วันที่6 มี.ค.68เงินบาทปิดที่ 33.63 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นร้อยละ 0.70 จากสัปดาห์ก่อนหน้าสอดคล้องกับเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค อาทิ เงินสกุลเยน ยูโร ริงกิตเปโซ ดอลลาร์สิงคโปร์ และหยวน ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินสกุลวอน และดอลลาร์ไต้หวัน ที่ปรับตัวอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อน เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่ามากกว่าเงินสกุลอื่น ๆ ส่วนใหญ่ในภูมิภาคส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEERNEER) อยู่ที่ร้อยละ 0.17

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ