รายงานภาวะเศรษฐกิจรายสัปดาห์ (Weekly) ณ 14 มี.ค. 68

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 17, 2025 15:16 —กระทรวงการคลัง

เศรษฐกิจไทย

เครื่องชี้เศรษฐกิจรายสัปดาห์

สรุปสถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุด

? สถานการณ์เศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ยังคงส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI)

เดือนกุมภาพันธ์ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 93.4 สะท้อนแนวโน้มการผลิตที่ปรับตัวดีขึ้นตามภาคการค้าและ

การท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโต รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ การขยายมาตรการ ?คุณสู้เรา

ช่วย? การสนับสนุน e-Receipt และการเดินหน้าโครงการ ?DW เฟส 2? ภาคการท่องเที่ยวยังคงสนับสนุนการ

ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม (3?9 มี.ค.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย

จานวน 6.38 แสนคน แม้ตัวเลขดังกล่าวจะชะลอตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้า เนื่องจากการสิ้นสุดฤดูกาลท่องเที่ยว

ของ นักท่องเ ที่ยวระ ยะไ กล (Long Haul) แล ช่วงถือ ศีลอ ดขอ งช วมุสลิม แต่ยัง คงไ ด้รับ แรง หนุน

จากนักท่องเที่ยวจีนและยุโรปที่ทยอยเพิ่มขึ้น

ปัจจัยเสี่ยง

? ปัญหาจากต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ

ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน อาทิ การค้ากับสหรัฐฯ และภาวะการแข่งขันจากสินค้าจีนที่

อาจเข้ามาแข่งขันมากขึ้น

ข้อเสนอแนะ

? ควรต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ เพื่อสร้างเสถียรภาพและการฟื้นตัว

ทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

เครื่องชี้เศรษฐกิจรายสัปดาห์

สถานการณ์ภาครัฐ

? หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ม.ค. 68 คิดเป็นร้อยละ 64.1 ของ GDP ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ากว่า

กรอบวินัยในการบริหารหนี้สาธารณะที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 70 ของ GDP

ผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน

? ณ วัน ที่ 7 มีน ค ม 2 5 6 8 ว ง เ งิน ง บ ป ร ม ณร ย จ่า ย ล ง ทุน ห ลัง โ อ น เ ป ลี่ย น แ ป ล ง อ ยู่ที่ 9 . 3

แสนล้านบาท เบิกจ่ายได้ที่จานวน 2.1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 22.0 โดยสัปดาห์แรกของเดือน

เบิกจ่ายได้เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.92 น้อยกว่าที่ต้องเบิกจ่ายต่อสัปดาห์ที่ร้อยละ 3.2 และต่ากว่า

เป้าหมายที่กรมบัญชีกลางคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 35.0 จึงจาเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุน

โดยเฉพาะใน 5 กระทรวงที่มีวงเงินสูง เช่น ได้แก่ กระทรวงคมนาคม (วงเงินลงทุน 1.8 แสนล้านบาท)

กระทรวงมหาดไทย (วงเงินลงทุน 1.0 แสนล้านบาท) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (วงเงินลงทุน 8.8

หมื่นล้านบาท) กระทรวงกลาโหม (วงเงินลงทุน 4.2 หมื่นล้านบาท) และกระทรวงการอุดมศึกษา

วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (วงเงินลงทุน 3.1 หมื่นล้านบาท)

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 93.4
* ประกอบด้วย ยอดคาสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และ
ผลประกอบการ
ที่มา : สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) ในเดือน ก.พ. 68 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 93.4 จาก 91.6 ในเดือน ม.ค. โดยดัชนีย่อย*
เกือบทุกหมวดเพิ่มขึ้นยกเว้นต้นทุนผู้ประกอบการ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขยายมาตรการ
?คุณสู้เราช่วย? การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง Easy E-Receipt และโครงการ DW เฟส 2 รวมถึงการเติบโตของภาค
การท่องเที่ยวและการค้าชายแดน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังเผชิญปัจจัยลบจากการส่งออกรถยนต์ที่มีแนวโน้มลดลง
สภาพอากาศที่แปรปรวน ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย และผลกระทบจากมาตรการภาษีนาเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจทาให้สินค้าจีน
ทะลักเข้าสู่ไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ขยับขึ้นเป็น 97.6 จาก 96.2 จากโครงการ DW เฟส 3 และมาตรการ
กระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์
93.4
97.6
70.0
80.0
90.0
100.0
110.0 TISI TISI (E)
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ก.พ. 68 ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 57.8 จากระดับ 59.0 ใน
เดือนก่อน
โดยในเดือน ก.พ. 68 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ากว่าระดับ 100 และลดลงจากเดือนที่แล้ว แสดงให้เห็นว่า
ผู้บริโภคมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้าและค่าครองชีพสูง และมีแนวโน้มพื้นตัวได้ช้าเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
ทั้งนี้ ปัจจัยสาคัญที่ทาให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงมาจากสถานการณ์ด้านนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และตลาดหุ้น
ลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ด้วยผลกระทบในเชิงบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ยังคงมีส่วนช่วยให้ความเชื่อมั่นของ
ผู้บริโภคไม่ได้ลดลงมาก

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ม.ค. 68 มีจานวนทั้งสิ้น 11 95 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 64.13 ของ GDPGDPและเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 107,286.92 ล้านบาท
ทั้งนี้ สถานะหนี้สาธารณะของไทยถือว่ามีความมั่นคง สะท้อนได้จากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDPGDPยังอยู่ในระดับต่ากว่ากรอบวินัยในการบริหารหนี้สาธารณะที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 770 ของ GDPGDPและหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะยาว โดยแบ่งตามอายุคงเหลือคิดเป็นร้อยละ 87.41ของยอดหนี้สาธารณะและเป็นหนี้ในประเทศคิดเป็นร้อยละ 99.03ของยอดหนี้สาธารณะ

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย
ผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 7 มี.ค. 2568พบว่า ณ วันที่ 7มี.ค. 2568วงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 9.3แสนล้านบาท เบิกจ่ายได้ที่จานวน 2.11แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 22.0 หากรวมการก่อหนี้ผูกพัน มีการใช้จ่ายที่จานวน 3.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41.9
โดยจานวนเงินที่ต้องเบิกจ่ายในช่วงที่เหลือของงบประมาณ 2568(วันที่ 8มี.ค. -30ก.ย. 2568) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนที่ร้อยละ 80ตามประมาณการของกรมบัญชีกลาง อยู่ที่ 5.4แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 57.98ทั้งนี้ ณ สัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม 2562568ผลอัตราการเบิกจ่ายการลงทุนที่ร้อยละ 22.0เบิกจ่ายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9น้อยกว่าที่ต้องเบิกจ่ายต่อสัปดาห์ที่ร้อยละ 3.2เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ณ สิ้นเดือนที่กรมบัญชีกลางคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 35.0จึงจาเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุนในเดือนถัดไป โดยมีแนวทางดังนี้
1) งบกระทรวง ควรเร่งรัดการลงทุนโดยเฉพาะกระทรวงที่มีวงเงินขนาดใหญ่ 5อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงคมนาคม (วงเงินลงทุน 1.8แสนล้านบาท) กระทรวงมหาดไทย (วงเงินลงทุน 1.0แสนล้านบาท) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (วงเงินลงทุน 8.88หมื่นล้านบาท) กระทรวงกลาโหม (วงเงินลงทุน 4.22หมื่นล้านบาท) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (วงเงินลงทุน 3.1หมื่นล้านบาท)
2) งบจังหวัด ควรเร่งรัดการลงทุนโดยเฉพาะจังหวัดที่มีวงเงินขนาดใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนให้เม็ดเงินหมุนเวียนสู่จังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ นครราชสีมา (วงเงินลงทุน 356.44ล้านบาท) ชลบุรี (วงเงินลงทุน 329.88ล้านบาท) สมุทรปราการ (วงเงินลงทุน 298.0ล้านบาท) เชียงใหม่ (วงเงินลงทุน 296.33ล้านบาท) และขอนแก่น (วงเงินลงทุน290.2290.2ล้านบาท)

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย
วันที่ 3-9มี.ค. 2568มีจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจานวน 6.38แสนคน โดยจานวนนักท่องเที่ยวในสัปดาห์นี้ชะลอตัวลง จากการชะลอตัวด้านการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long HaulHaul) เนื่องจากสิ้นสุดการท่องเที่ยวฤดูหนาว และการเข้าสู่ช่วงการถือศีลอดของชาวมุสลิมอย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวจีนและเยอรมนีปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า

จานวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย วันที่ 3 -9 มี.ค. 2568 มีจานวนนักท่องเที่ยว 6.38 แสนคน และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค 9 มี.ค. 68 (YTD) มีจานวนทั้งสิ้น 7.66 ล้านคน สร้างรายได้ 3.75 แสนล้านบาท คิดเป็นค่าใช้จ่าย/คน/ทริป ที่ 48,48,959 บาทโดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัวลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า เนื่องจากสิ้นสุดการท่องเที่ยวฤดูหนาวของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long HaulHaul) และการเข้าสู่ช่วงเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิม ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่มระยะใกล้ชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาติมุสลิมจาก มาเลเซีย และอินโดนีเซีย อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่านักท่องเที่ยวจีนและเยอรมนีปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า
สาหรับสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีจานวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในระดับที่เพิ่มขึ้น จากปัจจัยเสริม ได้แก่ การประกาศปี Amazing Thailand Grand Tourism and
Sport Year 2025 และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการแข่งขันกีฬาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการยกเว้นบัตร ตม.6ในด่านทางบก รวมถึงสายการบินหลายสายมีการเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น
ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า มีจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งหมด 3.1 ล้านคน ซึ่งต่ากว่าคาดการณ์ของ สศค. ที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.2ล้านคน (คาดการณ์ เมื่อ ม.ค. 68) อย่างไรก็ตาม สศค. คากการ์ไว้ว่าในเดือนมีนาคม 2568จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 3.1ล้านคน

เครื่องชี้ภาคการเงิน
ระดับสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ในเดือนม.ค. 68คิดเป็น 2.13เท่าของสินทรัพย์สภาพคล่องที่ดารงตามกฎหมาย
โดยยอดคงค้างสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบในเดือน ม.ค.68 อยู่ที่ 5.5.91 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ธปท. ได้ปรับเกณฑ์การดารงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์จากเกณฑ์เดิมที่ต้องดารงสินทรัพย์สภาพคล่องไม่ต่ากว่าร้อยละ 6 ของเงินรับฝากเป็นไม่ต่ากว่าร้อยละ 100 (หรือ 1.0 เท่า) ของประมาณการกระแสเงินสดไหลออกสุทธิในสภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR)
ตั้งแต่เดือน ม.ค. 59

เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ
อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. 68 ลดลงเป็นร้อยละ 2.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 3.0 ต่ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ ในขณะที่ Core inflation rate รายปีเดือน ก.พ. 68อยู่ที่ร้อยละ 3.1จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 3.3ต่ากว่าที่ตลาดคาดการณ์
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ร้อยละ 3.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 3.7 ขณะที่ดัชนีราคาผลิตพื้นฐาน (core PPI) ออกมาที่ร้อยละ 3.4จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ากว่าที่ตลาดคาดที่ร้อยละ 3.5
จานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (2 -8 มี.ค. 68) อยู่ที่ 2.20 แสนราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าและต่ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้ จานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ (four week moving average) ซึ่งขจัดความผันผวนรายสัปดาห์แล้ว เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.26แสนราย
สหรัฐอเมริกา
ยูโรโซน
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ม.ค. 68 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -1.5จากช่วงเดียวกันปีก่อน และดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะหดตัวที่ร้อยละ -0.9จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ดุลบัญชีเดินสะพัด เดือน ม.ค. 68กลับมาขาดดุล -256.6พันล้านเยน ซึ่งเป็นการขาดดุลครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 66 โดยบัญชีสินค้าขาดดุล -2,937.9 พันล้าน จากการส่งออกขยายตัวร้อยละ 2.1 ซึ่งช้ากว่าการนาเข้าที่ขยายตัวร้อยละ 17.7 ขณะเดียวกัน บัญชีรายได้รอง ขาดดุล -444.7 พันล้านเยน ดุลบัญชีบริการขาดดุล -476.6 พันล้านเยน ดุลบัญชีรายได้หลักเกินดุล 3,601.5 พันล้านเยน ทั้งนี้ ในปี 68ญี่ปุ่นมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงถึง 29.26ล้านล้านเยน โดยได้แรงหนุนจากผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศที่สูงเป็นประวัติการณ์ การอ่อนค่าของเงินเยน และการลดลงของการขาดดุลการค้า
เศรษฐกิจญี่ปุ่น (annual GDP) ไตรมาส 4 (rev) ขยายตัวร้อยละ 1.1ต่อปี (ร้อยละ 3.8ต่อไตรมาส) ส่งผลให้เศรษฐกิจปี 67ขยายตัวร้อยละ 0.1ต่อปี
คาสั่งซื้อเครื่องมือกล (Machine Tool Orders) เดือน ก.พ. 68เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5ต่อปี ที่ 118,125 ล้านเยน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 ต่อเดือน) ชะลอตัวลงจากร้อยละ 4.7ในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม นี่นับเป็นการขยายตัวเดือนที่ห้าติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากความต้องการจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4เป็น 84,417ล้านเยน และคาสั่งซื้อภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9เป็น 33,798ล้านเยน

อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ร้อยละ 1.58 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 2.66 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่ากว่าคาดการณ์ตลาดที่ร้อยละ 1.83จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อดังกล่าวเป็นอัตราที่ต่าที่สุดนับตั้งแต่ มี.ค. 64อันเนื่องจากการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงของอัตราเงินเฟ้อในหมวดที่อยู่อาศัย และหมวดสุขภาพ เป็นสาคัญ
การส่งออก เดือน ก.พ. 68 ขยายตัวที่ร้อยละ 31.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 4.4จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าคาดการณ์ตลาดที่คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 17.0จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการขยายตัวของการส่งออกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 และเป็นการขยายตัวของการส่งออกในอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ ก.พ. 65 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าในหมวดสารสนเทศ การสื่อสาร และโสตทัศนูปกรณ์ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดผลิตภัณฑ์จากแร่ธาตุ เป็นสาคัญ
การนาเข้า เดือน ก.พ. 68 หดตัวที่ร้อยละ 47.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พลิกกลับมาขยายตัวอีกครั้งหลังจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวที่ร้อยละ -17.2จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ร้อยละ 19.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การนาเข้าในเดือนนี้เป็นตัวเลขการนาเข้าที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 53โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการนาเข้าสินค้าในหมวดสารสนเทศ การสื่อสาร และโสตทัศนูปกรณ์ หมวดเครื่องจักร และหมวดชิ้นส่วนและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นสาคัญ
ดุลการค้า เดือน ก.พ. 68 เกินดุลอยู่ที่ 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เกินดุลลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ 10.0พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และต่ากว่าคาดการณ์ตลาดที่ 7.9พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ไต้หวัน
ยอดค้าปลีก เดือน ม.ค. 68 ขยายตัวที่ร้อยละ 0.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.8จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อินโดนีเซีย
สหราชอาณาจักร
ผลผลิตอุตสาหกรรม เดือน ม.ค. 68 หดตัวที่ร้อยละ -1.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวที่ร้อยละ -1.8จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

อัตราการว่างงานที่ปรับตามฤดูกาล เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ร้อยละ 2.7 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง บ่งชี้ถึงตลาดแรงงานที่กาลังฟื้นตัวหลังจากความไม่แน่นอนช่วงสั้น ๆ ในปีที่แล้วซึ่งเกิดจากความพยายามประกาศกฎอัยการศึกที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ
เกาหลีใต้
อัตราการว่างงานเดือน ม.ค. 68 อยู่ที่ร้อยละ 3.1 ของกาลังแรงงานรวม ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ถือเป็นระดับการว่างงานที่ต่าที่สุดนับตั้งแต่ พ.ค. 58
ยอดค้าปลีกเดือน ม.ค. 68 ขยายตัวที่ร้อยละ 8.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 5.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นระดับยอดค้าปลีกที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ พ.ค. 67 โดยในเดือนนี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายสินค้าในหมวดสินค้าวัฒนธรรมและนันทนาการ และสินค้าในหมวดอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบ เป็นสาคัญ
ผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน ม.ค. 68 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 4.6จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่ากว่าคาดการณ์ตลาดที่ร้อยละ 2.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12แต่เป็นการขยายตัวในอัตราที่ต่าที่สุดนับตั้งแต่ ต.ค. 67 โดยภาคอุตสาหกรรมมาเลเซียยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของผลผลิตในหมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หมวดปิโตรเคมี ยาง และพลาสติก และหมวดอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบ ในขณะที่ผลผลิตในหมวดการผลิตไฟฟ้า หมวดเหมืองแร่ และหมวดน้ามันดิบและคอนเดนเสทมีอัตราลดลง
มาเลเซีย
อินเดีย
การผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial production) เดือน ม.ค. 68 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.5 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตในหลายภาคส่วน รวมถึงถ่านโค้กและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ผ่านการกลั่น ผลิตภัณฑ์แร่อโลหะอื่น ๆ และสิ่งทอ
สเปน
ยอดค้าปลีก เดือน ม.ค. 68 ขยายตัวร้อยละ 2.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 4.0จากช่วงเดียวกันปีก่อน

เครื่องชี้ตลาดเงิน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ดัชนี SETSETปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน สอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน เช่น Nikkei 225 ญี่ปุ่น
TWSE ไต้หวัน) และ S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย) เป็นต้น เมื่อวันที่ 13มี.ค. 68 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,159.64 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยระหว่างวันที่ 10 13 มี.ค. 68 อยู่ที่40,682.80 ล้านบาทต่อวันโดยนักลงทุนทั่วไปในประเทศ และนักลงทุนสถาบันในประเทศ เป็นผู้ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนต่างชาติ เป็นผู้ขายสุทธิ ทั้งนี้ระหว่างวันที่ 10 -13มี.ค. 68 นักลงทุนต่างชาติ ขายหลักทรัพย์สุทธิ -8,286.47 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1เดือน ถึง 20ปี ปรับตัวลดลง -4 ถึง -9 bpsbpsเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยในสัปดาห์นี้นักลงทุนมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 4 ปี และ 21 ปี ซึ่งมีนักลงทุนสนใจ 2.32 และ 1.85 เท่าของวงเงินประมูล ตามลาดับ ทั้งนี้ ระหว่างวันที่10-13มี.ค. 68 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าในตลาดพันธบัตรสุทธิ 5,007.26 ล้านบาท และหากนับจากต้นปีจนถึงวันที่ 13 มี.ค. 68กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าในตลาดพันธบัตรสุทธิ2,202.91 ล้านบาท
เงินบาทอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อน โดย ณ วันที่13 มี.ค.68เงินบาทปิดที่ 33.78 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงร้อยละ -0.45 จากสัปดาห์ก่อนหน้าสอดคล้องกับเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค อาทิ เงินสกุลริงกิตดอลลาร์ไต้หวัน และหยวน ที่ปรับตัวอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินสกุลเยน ยูโร เปโซ วอน และดอลลาร์สิงคโปร์ ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อน เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่ามากกว่าเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาคส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEERNEER) อยู่ที่ร้อยละ -0.49




          ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ