สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนเมษายน 2551 พร้อมทั้งรายงานสถานะ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างหนี้ภาครัฐ
1.1 เดือนเมษายน 2551
หนี้ในประเทศ
รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 14,017 ล้านบาท โดยทำการ Roll Over วงเงิน 9,440 ล้านบาท และ Refinance วงเงิน 4,577 ล้านบาท โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ การรถไฟแห่งประเทศไทย และการเคหะแห่งชาติ ได้ทำการ Roll Over หนี้เดิม วงเงิน 440 ล้านบาท 1,000 ล้านบาท และ 8,000 ล้านบาท ตามลำดับ และการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้ทำการ Refinance หนี้เดิม วงเงิน 4,577 ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 1
หนี้ต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ทำ Prepay เงินกู้ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) จำนวน 2 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 0.33 ล้านบาท และได้ Refinance เงินกู้ JBIC จำนวน 17,328 ล้านบาท โดยการออกตราสาร ECP เพื่อใช้เป็น Bridge Financing สำหรับการออก Samurai Bond ในเดือนพฤษภาคม 2551 ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 40 ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 2
1.2 ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551
หนี้ในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ในประเทศวงเงินรวม 49,657 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน 15,000 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลวงเงิน 34,657 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจได้ทำการ Roll Over และ Refinance หนี้เดิมรวม 51,205 ล้านบาท
หนี้ต่างประเทศ
รัฐบาลได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศวงเงินรวม 22,361 ล้านบาท โดยเป็นการ Prepay วงเงิน 2 ล้านบาท Refinance วงเงิน 17,328 ล้านบาท และ Swap วงเงิน 5,031 ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยรวม 41 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศวงเงินรวม 9,199 ล้านบาท โดยเป็นการ Prepay วงเงิน 1,699 ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยรวม 258 ล้านบาท และเป็นการ Roll Over วงเงิน 7,500 ล้านบาท
2. การกู้เงินภาครัฐ
เดือนเมษายน 2551
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศเพื่อชดเชยการขาดดุล งบประมาณ วงเงินรวม 39,943 ล้านบาท โดยเป็นการออกพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน 23,550 ล้านบาท พันธบัตรออมทรัพย์ วงเงิน 12,393 ล้านบาท และตั๋วเงินคลัง วงเงิน 4,000 ล้านบาท รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ วงเงินรวม 8,718 ล้านบาท
โดยเป็นการกู้เพื่อลงทุนในโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย วงเงิน 3,000 ล้านบาท และ 1,718 ล้านบาท ตามลำดับ และเป็นการกู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ วงเงิน 4,000 ล้านบาท
ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551
ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 192,212 ล้านบาท โดยเป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 142,391 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 49,821 ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 3
3. การชำระหนี้ภาครัฐ
เดือนเมษายน 2551
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ5,915 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 541 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 5,374 ล้านบาท
ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากงบประมาณรวม 63,507 ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 4
รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2551 มีจำนวน 3,374,966 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.85 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,140,503 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 951,526 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 95,596 ล้านบาท หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 166,372 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 20,969 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 33,270 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงและหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 32,641 ล้านบาท และ 5,690 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินและหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 4,005 ล้านบาท และ 1,056 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 5
การเพิ่มขึ้นสุทธิของหนี้สาธารณะคงค้างเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมานั้น ที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรง โดยเพิ่มขึ้นสุทธิ 35,884 ล้านบาท เนื่องจากการออกพันธบัตรออมทรัพย์ ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ วงเงินรวม 28,178 ล้านบาท และออกตั๋วเงินคลังเพื่อบริหารเงินสด วงเงิน 7,000 ล้านบาท
สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้นสุทธิ 5,690 ล้านบาท รายการ ที่สำคัญเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสุทธิของหนี้ต่างประเทศในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อแปลงเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น 3,402 ล้านบาท นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน เกิดจากการออกพันธบัตรของการเคหะแห่งชาติ และการกู้เงินระยะยาวขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
สำหรับหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันลดลงสุทธิ 3,995 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนด วงเงินรวม 4,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้กู้เงินระยะสั้น จำนวน 5 ล้านบาท
หนี้สาธารณะ 3,374,966 ล้านบาท แยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 405,745 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.02 และ หนี้ในประเทศ 2,969,221 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.98 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 3,176,410 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.12 และหนี้ระยะสั้น 198,556 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.88 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 6 และ 7 ตามลำดับ
ส่วนประสานสัมพันธ์นักลงทุน สำนักนโยบายและแผน
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5309
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 43/2551 26 พฤษภาคม 51--
1. การปรับโครงสร้างหนี้ภาครัฐ
1.1 เดือนเมษายน 2551
หนี้ในประเทศ
รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 14,017 ล้านบาท โดยทำการ Roll Over วงเงิน 9,440 ล้านบาท และ Refinance วงเงิน 4,577 ล้านบาท โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ การรถไฟแห่งประเทศไทย และการเคหะแห่งชาติ ได้ทำการ Roll Over หนี้เดิม วงเงิน 440 ล้านบาท 1,000 ล้านบาท และ 8,000 ล้านบาท ตามลำดับ และการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้ทำการ Refinance หนี้เดิม วงเงิน 4,577 ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 1
หนี้ต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ทำ Prepay เงินกู้ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) จำนวน 2 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 0.33 ล้านบาท และได้ Refinance เงินกู้ JBIC จำนวน 17,328 ล้านบาท โดยการออกตราสาร ECP เพื่อใช้เป็น Bridge Financing สำหรับการออก Samurai Bond ในเดือนพฤษภาคม 2551 ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 40 ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 2
1.2 ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551
หนี้ในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ในประเทศวงเงินรวม 49,657 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน 15,000 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลวงเงิน 34,657 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจได้ทำการ Roll Over และ Refinance หนี้เดิมรวม 51,205 ล้านบาท
หนี้ต่างประเทศ
รัฐบาลได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศวงเงินรวม 22,361 ล้านบาท โดยเป็นการ Prepay วงเงิน 2 ล้านบาท Refinance วงเงิน 17,328 ล้านบาท และ Swap วงเงิน 5,031 ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยรวม 41 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศวงเงินรวม 9,199 ล้านบาท โดยเป็นการ Prepay วงเงิน 1,699 ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยรวม 258 ล้านบาท และเป็นการ Roll Over วงเงิน 7,500 ล้านบาท
2. การกู้เงินภาครัฐ
เดือนเมษายน 2551
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศเพื่อชดเชยการขาดดุล งบประมาณ วงเงินรวม 39,943 ล้านบาท โดยเป็นการออกพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน 23,550 ล้านบาท พันธบัตรออมทรัพย์ วงเงิน 12,393 ล้านบาท และตั๋วเงินคลัง วงเงิน 4,000 ล้านบาท รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ วงเงินรวม 8,718 ล้านบาท
โดยเป็นการกู้เพื่อลงทุนในโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย วงเงิน 3,000 ล้านบาท และ 1,718 ล้านบาท ตามลำดับ และเป็นการกู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ วงเงิน 4,000 ล้านบาท
ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551
ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 192,212 ล้านบาท โดยเป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 142,391 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 49,821 ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 3
3. การชำระหนี้ภาครัฐ
เดือนเมษายน 2551
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ5,915 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 541 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 5,374 ล้านบาท
ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากงบประมาณรวม 63,507 ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 4
รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2551 มีจำนวน 3,374,966 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.85 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,140,503 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 951,526 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 95,596 ล้านบาท หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 166,372 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 20,969 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 33,270 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงและหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 32,641 ล้านบาท และ 5,690 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินและหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 4,005 ล้านบาท และ 1,056 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 5
การเพิ่มขึ้นสุทธิของหนี้สาธารณะคงค้างเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมานั้น ที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรง โดยเพิ่มขึ้นสุทธิ 35,884 ล้านบาท เนื่องจากการออกพันธบัตรออมทรัพย์ ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ วงเงินรวม 28,178 ล้านบาท และออกตั๋วเงินคลังเพื่อบริหารเงินสด วงเงิน 7,000 ล้านบาท
สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้นสุทธิ 5,690 ล้านบาท รายการ ที่สำคัญเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสุทธิของหนี้ต่างประเทศในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อแปลงเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น 3,402 ล้านบาท นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน เกิดจากการออกพันธบัตรของการเคหะแห่งชาติ และการกู้เงินระยะยาวขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
สำหรับหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันลดลงสุทธิ 3,995 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนด วงเงินรวม 4,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้กู้เงินระยะสั้น จำนวน 5 ล้านบาท
หนี้สาธารณะ 3,374,966 ล้านบาท แยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 405,745 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.02 และ หนี้ในประเทศ 2,969,221 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.98 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 3,176,410 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.12 และหนี้ระยะสั้น 198,556 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.88 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 6 และ 7 ตามลำดับ
ส่วนประสานสัมพันธ์นักลงทุน สำนักนโยบายและแผน
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5309
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 43/2551 26 พฤษภาคม 51--