สรุปเศรษฐกิจญี่ปุ่นรอบสัปดาห์ (2-6 มิ.ย. 51)
1. ดัชนีเศรษฐกิจที่ประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมา
1.1 ดัชนีผลการผลิตอุตสาหกรรมประจำเดือนเมษายนลดลงร้อยละ 0.3
กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมเปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Output) ของเดือนเม.ย.51 อยู่ที่ระดับ 106.2 (ฐานปี 2543=100) โดยลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันสองเดือน เนื่องจาก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคและอุปกรณ์ต่างๆ ลดลงร้อยละ 3.9 การส่งออกจอ LCD ของคอมพิวเตอร์และ Memory Card ไปยังตลาดในประเทศเอเชียลดลง ส่วนการผลิตเครื่องสื่อสารก็ลดลง ร้อยละ 7.6
1.2 การใช้จ่ายภาคครัวเรือนในญี่ปุ่นลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน
กระทรวงมหาดไทยและการสื่อสาร (Ministry of Internal Affairs and Communications) ได้เปิดเผย ผลการสำรวจสภาพการใช้จ่ายภาคครัวเรือน (Household Spending) ที่มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนมากกว่า 2 คนขึ้นไป โดยการใช้จ่ายภาคครัวเรือน เดือน เม.ย.51 ลดลงร้อยละ 2.7 เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนหน้า เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันในเดือนเมษายนของญี่ปุ่นจะลดลง จากการลดลงภาษีน้ำมันพิเศษส่งผลให้ปริมาณน้ำมันที่ขายเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น
1.3 การใช้จ่ายภาคเอกชนเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ของบริษัทญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 7.7
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2551 กระทรวงการคลังเปิดเผยว่าผลกำไรบรรดาบริษัทญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 17.5 มีจำนวน 3.75 ล้านล้านเยน เนื่องจากราคาวัสดุที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ผลกำไรของผู้ค้าปลีกลดลง ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ไตรมาส และการใช้จ่ายภาคเอกชน (Capital Spending) เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ของบริษัทญี่ปุ่นในไตรมาส 1 (ระหว่างเดือน ม.ค.- มี.ค.51) ลดลงร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า เนื่องจากจำนวนการลงทุนของธุรกิจเช่าซื้อ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลง แต่การลงทุนเกี่ยวกับการผลิตจอ LCD และชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 20 ไตรมาส ซึ่งกระทรวงการคลังได้แสดงความเป็นห่วงสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบัน ซึ่งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ ตลาดอัตราอัตราแลกเปลี่ยน และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
2. JBIC จะเริ่มออกพันธบัตรชนิดใหม่ที่มีการนำ Carbon Credit Trading มาเป็นส่วนประกอบ
JBIC ได้ร่วมมือกับบริษัท Mitsubishi UFJ Securities ในการออกพันธบัตรที่มีส่วนประกอบของการซื้อขาย Carbon Credit โดยมีจุดมุ่งหมายในการสนับสนุนให้ทุกคนสามารถร่วมมือกันแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก และสนับสนุนการลงทุนแบบ Socially Responsible Investment (SRI) ให้เป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากขึ้น
พันธบัตรชนิดใหม่นี้มีกำหนดจะออกในช่วงปลายเดือนมิถุนายนศกนี้ เป็นจำนวน 2 พันล้านเยนสำหรับนักลงทุนประเภทที่เป็นบริษัทรายใหญ่ มีระยะเวลา 5 ปี โดยจะมีการพิจารณาอีกครั้งเมื่อครบเวลาไถ่ถอน เงินที่ได้จากการระดมทุนโดยออกพันธบัตรนี้จะนำไปสนับสนุนโครงการเพื่อปรับปรุงรักษาสิ่งแวดล้อม บริษัท Mitsubishi UFJ Securities ทำหน้าที่จัดการเป็นตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรชนิดนี้ โดยจะจัดตั้งบริษัทตัวกลางที่ไม่แสวงหาผลกำไร ทำรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริษัท Mitsubishiฯ ทำหน้าที่จะซื้อคาร์บอนเครดิตจากตลาดการค้าคาร์บอนเครดิต เพื่อนำไปลดจำนวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศญี่ปุ่น โดยนักลงทุนจะได้ผลตอบแทนปีละ 2 ครั้ง อาจเลือกที่จะรับเงินปันผลหรือ รับเป็นคาร์บอนเครดิตก็ได้ หรือหากนักลงทุนต้องการจะซื้อคาร์บอนเครดิตโดยตรงก็สามารถซื้อโดยผ่านบริษัท Mitsubishi UFJ Securities ไปยัง Carbon Credit Trading Platform ของ JBIC ได้ JBIC กล่าวว่าการออกพันธบัตรชนิดใหม่นี้มีเป้าหมายในการระดมเงินทุนอย่างต่อเนื่อง ส่วนบริษัท Mitsubishi UFJ Securities มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและ แสดงถึงความต้องการที่จะให้บริษัทเอกชนออกพันธบัตรชนิดนี้เพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย พันธบัตรชนิดนี้มีชื่อว่า ECO Bond ซึ่งบริษัท Mitsubishiฯ ได้จดทะเบียนลิขสิทธ์กับรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว
สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ณ กรุงโตเกียว
9 มิถุนายน 2551
ที่มา: สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง www.fpo.go.th