Macro Morning Focus ประจำวันที่ 16 มิ.ย.51
SUMMARY:
- ผู้ค้าเตือน ตั้งรับดีเซล 56 บาท
- สศก.ประเมินเกษตรครึ่งปีหลังเตือนรัฐตั้งรับราคาชะลอ
- เอดีบี เตือนเงินเฟ้อเอเชียสูงกว่าร้อยละ 5.1 ต่อปีในปี 2551
HIGHLIGHT:
1. ผู้ค้าเตือน ตั้งรับดีเซล 56 บาท
- เชลล์-ปตท.-บางจาก ประเมินราคาน้ำมันจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นทั้งในตลาดโลกและราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ มีโอกาสแตะระดับ 150 -200 ดอลลาร์/บาร์เรล ภายในระยะเวลา 6-12 เดือน ขณะที่ราคาขายปลีกดีเซลในประเทศปรับตัวสูงถึง 56 บาท/ลิตร ภายใต้ 4 ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ 1. ความต้องการทั่วโลกยังมีสูงจากจีนและอินเดียที่ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น 2. ปริมาณน้ำมัน ยังไม่มีแหล่งน้ำมันใหม่ๆเพิ่มขึ้น 3. การเก็งกำไรของกองทุนต่างๆ(เฮดฟันด์) และ 4. ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
- ทั้งนี้ ประธานกรรมการ บ. เชลล์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาขายปลีกกับราคาตลาดโลกยังไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเฉพาะดีเซลยังอยู่ในระดับเท่าทุน หรือไม่ก็ติดลบทั้งๆที่การค้าน้ำมันเสรี ซึ่งรัฐควรปล่อยให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและให้ปรับขึ้นลงตามกลไกตลาด
- สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาขายปลีกน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากกระทบต่อการใช้จ่ายการบริโภคภาคเอกชนแล้ว ยังส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) สะท้อนได้จากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ เดือน พ.ค. 51 ที่หดตัวร้อยละ -3.7 ต่อปี โดยเป็นการหดตัวจากรถยนต์ปิคอัพขนาด 1 ตัน (ไม่รวม SUV) และรถบรรทุกขนาด 2 ตันขึ้นไปอย่างชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการไม่อาจเพิ่มระดับการลงทุนได้มากนัก อย่างไรก็ดี ภาครัฐได้มีมาตรการช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิงทางเลือกต่างๆ และน่าจะมีการพิจารณาแนวทางพัฒนาระบบขนส่งให้มีทางเลือกในการใช้พลังงานที่เหมาะสมในระยะต่อไป
2. สศก.ประเมินเกษตรครึ่งปีหลังเตือนรัฐตั้งรับราคาชะลอ
- สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ประเมินภาวการณ์เกษตรช่วงครึ่งแรกปี 2551 ว่า ภาพรวมของภาคการเกษกรอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ประกอบกับภาครัฐให้การสนับสนุนและดูแลอย่างต่อเนื่อง การขยายตลาดสินค้าเกษตรส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวนาปี และมันสำปะหลัง ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังราคาสินค้าจะเริ่มชะลอตัวเนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลเพาะปลูก ผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นไป ทั้งนี้คาดว่าภาคการเกษตรปี 2551 จะขยายตัวประมาณร้อยละ 4.3 ต่อปี
- สศค.วิเคราะห์ว่า GDP ภาคการเกษตรในปี 2551 น่าขยายตัวได้ประมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4.3 ต่อปี โดยมีปัจจัยสำคัญจากสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตประกอบกับราคาสินค้าเกษตรที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงแม้ว่าจะชะลอตัวลงบ้างจากช่วงต้นปี
3. เอดีบี เตือนเงินเฟ้อเอเชียสูงกว่าร้อยละ 5.1 ต่อปีในปี 2551
- ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เผยว่าการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและเชื้อเพลิงทำให้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของภูมิภาคเอเชียในปีนี้จะแตะที่ระดับร้อยละ 5.1 ต่อปี ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และบั่นทอนความพยายามการต่อสู้กับปัญหาความยากจนของภูมิภาค
- สศค.วิเคราะห์ว่า ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นมากในหลายประเทศทั่วเอเชีย มาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เช่น ราคาสินค้าเกษตรได้แก่ ข้าว, ข้าวโพด, มันสำปะหลัง ที่เพิ่มขึ้นมากจากการลดลงของอุปทาน จึงเป็นผลให้นักลงทุนต่างกลัวว่าภาวะเงินเฟ้อจะทำให้การบริโภคภาคประชาชนลดลง และอาจส่งผลกระทบโดยตรงกับกลุ่มคนยากจนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จึงส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง อย่างไรก็ดีธนาคารกลางทั่วภูมิภาคต่างๆ อาจจำเป็นต้องมีการนำมาตรการทางการเงินมาใช้ เช่นการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เพื่อชะลอภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th