รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 27 มิถุนายน 2551

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 27, 2008 14:03 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 27 มิ.ย.51
SUMMARY:
- จับสัญญาณข่าวดี “ข้าว” ผลผลิตเพิ่ม ลดวิตกขาดอาหาร
- โอเปกลั่น 2เดือนน้ำมันดิบอาจถึงระดับ 170เหรียญ
- กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์คาด FED คงดอกเบี้ยถึงปี 52
HIGHLIGHT:
1. จับสัญญาณข่าวดี “ข้าว” ผลผลิตเพิ่ม ลดวิตกขาดอาหาร
- สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า เวียดนาม ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก พร้อมอนุญาตให้มีการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มเป้าส่งออกปีนี้จาก 4 ล้านตัน เป็น 4.5 ล้านเมตริกตัน ขณะที่ราคาข้าวอยู่ในระดับสูงพอที่ชาวนาจะทำกำไรและเพิ่มผลผลิตได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มี.ค. เวียดนามได้ลดเป้าส่งออกจาก 4.5 ล้านตัน เหลือ 4 ล้านตัน
- ด้านไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกระบุว่า ผลผลิตข้าวจะเพิ่มขึ้น 29 % จากผลผลิตรอบ 2 ของปี เพราะราคาข้าวแพงกระตุ้นให้ชาวนาหันมาปลูกข้าวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่าผลผลิตข้าวอาจพุ่งขึ้นเป็น 8.9 ล้านตัน ในรอบการเพาะปลูกเดือน พ.ค. —มิ.ย.
- สศค.วิเคราะห์ว่า การที่ประเทศผู้ผลิตต่างจำกัดการส่งออกส่งผลให้ราคาขยายตัวในระดับสูงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสามารถจูงใจให้ประเทศต่างๆรวมถึงไทยได้ทำการเร่งการเพาะปลูกเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความกังวลเรื่องผลผลิตพืชอาหารขาดแคลนสามารถคลี่คลายลงได้ อย่างไรก็ตาม การที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวลดลงได้ ทั้งนี้ ราคาข้าวในตลาดโลกในช่วงครึ่งแรกปี 51 ขยายตัวร้อยละ 81.6 ต่อปี
2. โอเปกลั่น 2เดือนน้ำมันดิบอาจถึงระดับ 170เหรียญ
- นายซากิบ เคลิล ประธานกลุ่มโอเปก และรัฐมนตรีพลังงานของแอลจีเรียกล่าวผ่านโทรทัศน์ของประเทศฝรั่งเศสว่า ราคาน้ำมันดิบโลกจะทะยานสู่ระดับ 150-170เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้เหตุผลจากจะเป็นช่วงฤดูร้อนในประเทศซีกโลกเหนือเช่น สหรัฐและยุโรปทำให้มีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น และในระยะสั้นอาจมีผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธ.กลางยุโรปซึ่งจะทำให้ค่าเงินยูโรแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงเรื่องนิวเคลียส์ของอิหร่านอีกด้วย
- สศค.วิเคราะห์ว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ นอกจากจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากโครงสร้างอุปสงค์และอุปทานที่เปลี่ยนไปแล้ว ส่วนหนึ่งได้รับผลมาจากแรงเก็งกำไรในตลาดซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า ซึ่งนักลงทุนในตลาดส่วนมากจะติดตามและคาดการณ์จากสถานการณ์ ข่าวสารที่ได้รับ การที่ประธานกลุ่มโอเปกออกมาให้สัมภาษณ์อาจส่งผลให้เกิดการเก็งกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ราคาเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง ทางสศค.ประเมินว่าหากราคาน้ำมันดิบทะลุระดับ 160เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศปรับตัวเข้าใกล้ระดับ 50บาท/ลิตร ซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นกว่าเดิมมาก
3. กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์คาด FED คงดอกเบี้ยถึงปี 52
- กลุ่มนักวิเคราะห์จากธนาคารและวาณิชธนกิจชั้นนำในตลาดวอลสตรีทคาดว่า FED น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี จนกว่าจะถึงกลางปีหน้า ทั้งนี้เพราะสหรัฐฯ กำลังเผชิญความเสี่ยงทั้งจากเศรษฐกิจขาลงและภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้น แต่คาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. 51 เพื่อควบคุมการคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อ ในส่วนของไทย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาวิเคราะห์ว่าไทยยังคงเผชิญปัญหาเงินเฟ้อ กนง. อาจปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นร้อยละ 0.5 ต่อปี แต่ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ไทยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลซึ่งยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
- สศค.วิเคราะห์ว่า กนง. น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรและภาวะเงินเฟ้อที่คาดว่ายังจะเร่งตัวมากขึ้นอีกในช่วงครึ่งหลังของปี นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในต่างประเทศอีกด้วย โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะค่อย ๆ ปรับขึ้น จนกระทั่ง ณ สิ้นปี 2551 จะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.25 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.00- 4.50 ต่อปี)”
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ