รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2551

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 1, 2008 10:25 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 1 ก.ค.51
SUMMARY:
- รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมจัดทำแผนแม่บททำตลาดในปี 2552
- บีโอไอ ส่งสัญญาณถึงความไม่แน่นอนทางการลงทุนในครึ่งปีหลัง 2551
- เงินเฟ้อยุโรปขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
HIGHLIGHT:
1. รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมจัดทำแผนแม่บททำตลาดในปี 2552
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผยว่าการกำหนดนโยบายการจัดทำแผนแม่บทของการท่องเที่ยวของประเทศต่อเนื่องระหว่างปี 2551 และปี 2552 ต้องบรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ด้านได้แก่ (1) การสร้างมูลค่าคู่ขนานไปพร้อมกับคุณค่า (2) แผนการตลาดต้องมีความทั่วถึงในการกระจายนักท่องเที่ยวภายใต้กรอบความเชื่อมโยง 5 ภาคและ 14 คลัสเตอร์ โดยตั้งรายได้รวมจากการท่องเที่ยวในปี 2552 ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 1.001 ล้านล้านบาท (3) เป้าหมายสุดท้ายได้แก่การสนับสนุนการลง ทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กค์ในด้านท่องเที่ยวซึ่งมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวในตลาดบนเช่นกีฬาน้ำเป็นต้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า การจัดทำแผนแม่บทการตลาดท่องเที่ยวจะช่วยเพิ่มบทบาทความสำคัญของการท่องเที่ยวต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 6.0 ของ GDP โดยจากการศึกษาของ สศค.พบว่า หากสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ 100,000 คน จะทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศสามารถเพิ่มขึ้นประมาณ 3,700 ล้านบาท ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และทำให้ GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.15 ต่อปีจากกรณีฐาน
2. บีโอไอ ส่งสัญญาณถึงความไม่แน่นอนทางการลงทุนในครึ่งปีหลัง 2551
- เลขาธิการ บีโอไอ กล่าวถึงการคงเป้ามูลค่าการรับคำส่งเสริมปี 2551 ซึ่งตั้งเป้าไว้ 600,000 ล้านบาท โดยเฉพาะจากการลงทุนในโครงการผลิตเหล็กขั้นต้นคุณภาพส่งมูลค่า 100,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงปัจจัยเสี่ยงภายที่อาจส่งผลต่อการลงทุนไทยในครึ่งปีหลัง ได้แก่ปัจจัยภายในได้แก่ ปัจจัยทางการเมือง และปัจจัยภายนอกซึ่งได้รับผลกระทบทั่วโลกซึ่งได้แก่ ปัญหาราคาน้ำมัน และปัญหาภัยธรรมชาติ
- สศค. วิเคราะห์ว่าการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก 2551 ส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนจากปี 2550 โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2551 ปริมาณนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวร้อยละ 21.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยภาษีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวร้อยละ 14.5 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในครึ่งปีหลังของปี 2551 การลงทุนจะมีแนวโน้มขยายตัวชะลอตัวลง แต่ สศค.คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนในปี 2551 ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำในปี
อนที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.5 มาขยายตัวที่ร้อยละ 8.5 ต่อปี
3. เงินเฟ้อยุโรปขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
- อัตราเงินเฟ้อของยุโรปในเดือน มิ.ย. ปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 4.0 ต่อปี และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.9 ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมัน สเปน และอิตาลีในเดือน มิ.ย. ที่พุ่งสูงขึ้นมากที่ร้อยละ 3.3, 5.1 และ 7.5 ตามลำดับ
- ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นนี้มีส่วนทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคตกต่ำลงขณะที่ความคาดหวังเงินเฟ้อในอนาคต (Inflation Expectation) ปรับสูงขึ้น ซึ่งเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นมาก โดยขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ณ วันที่
- สศค. วิเคราะห์ว่าภาวะเงินเฟ้อยุโรปที่สูงขึ้นนี้เกิดจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น (Cost-push Inflation) โดยเฉพาะราคาพลังงานที่สูงขึ้นเป็นหลัก พิจารณาได้จากเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักหมวดอาหารและพลังงาน) ในเดือน พ.ค. ที่อยู่ที่ร้อยละ 2.5 ต่ำกว่าเงินเฟ้อทั่วไปค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม หากเงินเฟ้ออยู่ระดับสูงยาวนานอาจนำไปสู่ความคาดหวังเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและทำให้ประชาชนเรียกร้องค่าจ้างและปรับราคาขึ้นอีก (Wage-Price Spiral) ดังนั้น สศค.จึงคาดว่า ECB มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อดังกล่าว
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ