ตามที่กระทรวงการคลังได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศให้เป็น 1 ใน 3 เสาหลักของระบบการเงินเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบการเงินของประเทศ โดยการออกพันธบัตรให้มีความหลากหลาย และการขยายฐานผู้ออกและผู้ลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินบาทในประเทศไทย และต่อมาได้มีการออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาตให้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศ ลงวันที่ 11 เมษายน 2549 โดยผู้สนใจสามารถยื่นคำขออนุญาตได้ ปีละ 2 ครั้ง คือ ภายในเดือนพฤษภาคมและพฤศจิกายนของทุกปี นั้น
กระทรวงการคลังได้พิจารณาปัจจัยหลายประการ อาทิ อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ขออนุญาต ความหลากหลายของประเทศผู้ได้รับอนุญาต การนำเงินที่ระดมได้ไปใช้ ปริมาณสภาพคล่องในประเทศ และปริมาณการออกตราสารหนี้ในประเทศของภาครัฐและเอกชนไทยแล้ว เห็นควรอนุญาตให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศ สถาบันการเงินของรัฐบาลต่างประเทศ และนิติบุคคลต่างประเทศ รวม 15 ราย ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ในวงเงินรายละไม่เกิน 3,500 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 52,500 ล้านบาท โดยรายชื่อของผู้ได้รับอนุญาต ได้แก่
1. Agence Francaise de Developpement (AFD)
2. Cargill Inc. (Cargill)
3. Commonwealth Bank of Australia (CBA)
4. Cooperative Centrale Raiffeisen — Boerenleenbank B.A. (Rabobank)
5. Deutsche Bank (DB)
6. Dow Capital International LLC (DCI)
7. ธนาคารโลก (International Bank for Reconstruction and Development: IBRD)
8. บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: IFC)
9. ING Bank NV (ING)
10. Kommunalbanken Norway (KBN)
11. The Export — Import Bank of Korea (KEXIM)
12. สถาบันเครดิตเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (KfW)
13. Nordic Investment Bank (NIB)
14. Oversea — Chinese Banking Corporation Limited (OCBC)
15. Swedish Export Credit Corp (SEK)
อนึ่ง กระทรวงการคลังขอขอบคุณผู้ยื่นคำขออนุญาตทั้ง 42 ราย ที่ให้ความสนใจในการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย และขอเรียนว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณากระบวนการอนุญาตให้มีความคล่องตัวและสนองตอบความประสงค์ในการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทยิ่งขึ้น
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
สำนักพัฒนาตลาดตราสารหนี้
โทร. 0-2265-8050 ต่อ 5205
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 54/2551 1 กรกฎาคม 51--
กระทรวงการคลังได้พิจารณาปัจจัยหลายประการ อาทิ อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ขออนุญาต ความหลากหลายของประเทศผู้ได้รับอนุญาต การนำเงินที่ระดมได้ไปใช้ ปริมาณสภาพคล่องในประเทศ และปริมาณการออกตราสารหนี้ในประเทศของภาครัฐและเอกชนไทยแล้ว เห็นควรอนุญาตให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศ สถาบันการเงินของรัฐบาลต่างประเทศ และนิติบุคคลต่างประเทศ รวม 15 ราย ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ในวงเงินรายละไม่เกิน 3,500 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 52,500 ล้านบาท โดยรายชื่อของผู้ได้รับอนุญาต ได้แก่
1. Agence Francaise de Developpement (AFD)
2. Cargill Inc. (Cargill)
3. Commonwealth Bank of Australia (CBA)
4. Cooperative Centrale Raiffeisen — Boerenleenbank B.A. (Rabobank)
5. Deutsche Bank (DB)
6. Dow Capital International LLC (DCI)
7. ธนาคารโลก (International Bank for Reconstruction and Development: IBRD)
8. บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: IFC)
9. ING Bank NV (ING)
10. Kommunalbanken Norway (KBN)
11. The Export — Import Bank of Korea (KEXIM)
12. สถาบันเครดิตเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (KfW)
13. Nordic Investment Bank (NIB)
14. Oversea — Chinese Banking Corporation Limited (OCBC)
15. Swedish Export Credit Corp (SEK)
อนึ่ง กระทรวงการคลังขอขอบคุณผู้ยื่นคำขออนุญาตทั้ง 42 ราย ที่ให้ความสนใจในการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย และขอเรียนว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณากระบวนการอนุญาตให้มีความคล่องตัวและสนองตอบความประสงค์ในการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทยิ่งขึ้น
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
สำนักพัฒนาตลาดตราสารหนี้
โทร. 0-2265-8050 ต่อ 5205
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 54/2551 1 กรกฎาคม 51--