รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 8 กรกฎาคม 2551

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 8, 2008 11:26 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่  8  ก.ค.51
SUMMARY:
- ภาคเอกชนวอน ธปท. อย่าเร่งปรับเพิ่มดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ
- ผู้เชียวชาญด้านพลังงานคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะสูงถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- ข้าวหอมมะลิเข้าซื้อ-ขายในตลาด AFET
HIGHLIGHT:
1. ภาคเอกชนวอน ธปท. อย่าเร่งปรับเพิ่มดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ
- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่าในการประชุม กนง. ในวันที่ 16 ก.ค. 2551 นี้ ธปท. ยังไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินเฟ้อ เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ไม่น่าแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อจากปัญหาราคาน้ำมันในปัจจุบันได้ รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อในประเทศไม่จัดว่าสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคนัก นอกจากนี้ภาคเอกชนมีความกังวลปัจจัยเสี่ยงเรื่องอื่นๆซึ่งภาคเอกชนให้ความสำคัญ ได้แก่ การชะลอตัวการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชน
- สศค.คาดการณ์ว่า ธปท.จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน (RP) ที่ระดับร้อยละ 3.25 ต่อปี ณ สิ้นเดือน มิ.ย.อยู่ที่ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 3.50-3.75 ต่อปี ในเดือนก.ค.นี้ สาเหตุสำคัญที่สศค.คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจาก (1) ตลาดเงิน-ทุน ได้คาดการณ์ไปล่วงหน้าแล้วว่าดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้นประมาณร้อยละ 0.25-0.50 ต่อปี โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีการปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงเดือน มิ.ย.โดยในช่วงเดือน มิ.ย. อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 1 ปีปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 0.56 ต่อปี (2) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนมิ.ย.อยู่ที่ร้อยละ 3.6 ต่อปีมากกว่าเงินเฟ้อเป้าหมายที่ร้อยละ 3.5 ต่อปี (3) อัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงติดลบซึ่งจะส่งผลให้การใช้จ่ายภาคเอกชนเร่งตัวขึ้น
2. ผู้เชียวชาญด้านพลังงานคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะสูงถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันขายปลีก ในประเทศมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอีก 1-2 บาท ในระยะนี้ หากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังไม่ปรับลดลง เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า ทำให้เงินไหลออกจากตลาดหุ้นตลาดเงินไปเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ โดยมีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะแตะระดับ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ และมีความเป็นไปได้ที่ดีเซลจะปรับถึง 48-49 บาทต่อลิตร ซึ่งใกล้ระดับ 50 บาททุกที
- สศค.วิเคราะห์ว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นตามปัจจัยที่อุปสงค์ของน้ำมันดิบในตลาดเกิดใหม่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่อุปทานน้ำมันมีจำกัด นอกจากนี้ยังมีปัจจัยการเก็งกำไรของราคาน้ำมันประกอบกับปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศในแถบตะวันออกกลาง ทั้งนี้จากแบบจำลองเศรษฐกิจของ สศค. พบว่าหากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น 1 ดอลลาร์จะส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกปรับขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตรและจะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับสูงขึ้นร้อยละ 0.3 ต่อปี
3. ข้าวหอมมะลิเข้าซื้อ-ขายในตลาด AFET
- เลขาธิการคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) กล่าวว่า การเตรียมนำข้าวหอมมะลิเข้าซื้อขายในวันที่ 14 ก.ค. นี้ ถือว่ามีความพร้อมที่สุด สำหรับสต็อกข้าวหอมมะลิในปัจจุบันที่หลายคนเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวหอมมะลิหลังเข้าซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) เลขาธิการ ก.ส.ล. ยืนยันว่า ปริมาณข้าวที่ภาครัฐรับจำนำจากเกษตรกรและมีสต๊อกทั่วประเทศ 2 ล้านตัน จะไม่กระทบต่อราคาซื้อขาย เว้นแต่ในอนาคตปริมาณข้าวที่รับจำนำจะเพิ่มขึ้นทุกปีจำนวนมาก อาจจะส่งผลให้ราคาซื้อขายตกต่ำลงได้
- สศค. วิเคราะห์ว่า การนำข้าวหอมมะลิเข้าซื้อขายในตลาด AFET นั้น นอกจากจะช่วยประกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาข้าวแล้วยังช่วยให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบราคาข้าวที่ออกสู่ตลาดได้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคภายในประเทศที่สามารถซื้อข้าวได้ตามราคาสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น ทั้งนี้ ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ 5 เดือนแรก ปี 51 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 65.7 ต่อปี
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ