รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2551

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 14, 2008 12:12 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่  14 ก.ค.51
SUMMARY:
- ตลาดรถครึ่งปีขยายตัวร้อยละ 10 ต่อปี เหตุจากราคาน้ำมัน
- อสังหาฯ อ่วมดัชนีเชื่อมั่นวูบ
- สหรัฐเล็งเทกโอเวอร์ 2 สถาบันสินเชื่อขนาดใหญ่
HIGHLIGHT:
1. ตลาดรถครึ่งปีขยายตัวร้อยละ 10 ต่อปี เหตุจากราคาน้ำมัน
- บริษัทตรีเพชร อีซูซุเซลล์ จำกัด เผยว่าจากปัจจัยทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์รวมทุกประเภทครึ่งปีแรกปี 51 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9 ต่อปี แม้ว่าจะมีการออกแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างมากแล้วก็ตาม โดยมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 321,474 คัน โดยโตโยต้าสามารถทำยอดขายได้เป็นอันดับ 1 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 44.9 % อีซูซุเป็นอันดับ 2 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 20.42 % และอันดับ 3 คือ ฮอนด้าคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 15.89 %
- สศค. วิเคราะห์ว่า ยอดขายรวมครึ่งปีแรกปี 51 ที่ขยายตัวร้อยละ 9.9 ต่อปี สูงกว่า ยอดขายรวมครึ่งปีแรกปี 50ที่ขยายตัวที่ -12.6 ต่อปี เหตุจากความไม่แน่นอนทางการเมืองเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มยอดขายรถยนต์ในครึ่งปีหลังอาจจะชะลอตัวเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกเนื่องจากมีปัจจัยลบหลายประการ ทั้งเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุดน้ำมันดิบในตลาดโลกทำสถิติสูงสุดที่บาร์เรลละ 139 เหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในประเทศสูงขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอย่างมากประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นทำให้ผู้บริโภคอาจชะลอการซื้อรถไปก่อน
2. อสังหาฯ อ่วมดัชนีเชื่อมั่นวูบ
- ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์โดยรวมในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 51 ว่าลดลงเหลือร้อยละ 45.0 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 51 ที่อยู่ที่ร้อยละ 55.3 จากค่ากลางที่กำหนดไว้ร้อยละ 50
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากการที่ราคาปูนซีเมนต์และเหล็ก ล่าสุดในเดือนมิ.ย. 51 ขยายตัวในอัตราสูงที่ร้อยละ 6.6 และ 72.7 ต่อปี ตามลำดับ จึงส่งผลทำให้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างรวมเร่งตัวขึ้นที่ร้อยละ 29.3 ต่อปี รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าก่อสร้างที่ปรับราคาสูงขึ้นและต้นทุนในการขนส่ง รวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เป็นสาเหตุทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในไตรมาสที่สองของปี 51 ปรับตัวลดลง
3. สหรัฐเล็งเทกโอเวอร์ 2 สถาบันสินเชื่อขนาดใหญ่
- วิกฤตสินเชื่อในสหรัฐเริ่มโหมแรงระลอกใหม่ เมื่อบริษัทแฟนนีแม และบริษัทเฟรดดี แมค ต้องเผชิญกับข่าวในด้านลบอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปี 51 และทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นของทั้ง 2 สถาบัน ทรุดอย่างฮวบฮาบกว่าร้อยละ 80 ในระยะ 1ปี ส่งผลให้ 2 สถาบันดังกล่าวสูญเสียแล้วกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์
- จากเหตุการณ์ดังกล่าว นิตยสารนิวยอร์ก ไทม์รายงานว่า มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลสหรัฐจะเข้าเทกโอเวอร์การบริหารกิจการสถาบันสินเชื่อรายหนึ่งรายใดหรือทั้ง 2 ราย เนื่องจาก สถาบันสินเชื่อทั้ง 2 รายนั้นมีบทบาทสำคัญในตลาดที่อยู่อาศัยของประเทศ โดยคิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 50 ของที่อาศัยคงค้างในระบบ
- สศค.วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐในปี 51 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี ชะลอลงจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 2.2 จากปัญหาวิกฤตซับไพร์มที่ส่งผลให้กระทบต่ออุปสงค์ในประเทศ (หากวิกฤตดังกล่าวยังคงทวีความรุนแรงและยืดเยื้อต่อไป อาจมีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐสหรัฐขยายตัวได้ต่ำกว่าที่คาดไว้) อย่างไรก็ตาม สศค.คาดว่า เศรษฐกิจเอเชียและตะวันออกกลางจะยังคงขยายตัวได้ในระดับสูงแม้ว่าจะขยายตัวชะลอลงจากปีก่อน ดังนั้นไทยควรมีการกระจายตลาดสินค้าไปยังประเทศดังกล่าว เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศสหรัฐ
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ