Macro Morning Focus ประจำวันที่ 24 ก.ค.51
SUMMARY:
- ผู้ผลิตสินค้าแจ้ง ก.พาณิชย์ ขอขึ้นราคา 19 รายการ
- คาดการท่องเที่ยวครึ่งหลังปี 51 ชะลอตัว
- เงินเฟ้อเวียดนามปี 51 อาจถึงร้อยละ 25
HIGHLIGHT:
1.ผู้ผลิตสินค้าแจ้ง ก.พาณิชย์ ขอขึ้นราคา 19 รายการ
- ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่าได้รับข้อเสนอขอปรับราคาสินค้าจากผู้ประกอบการ 73 ราย ขอปรับราคาสินค้า 19 รายการ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ยื่นขอปรับราคาระบุว่า ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเพิ่มขึ้นสูงมากอย่างรวดเร็ว แม้ราคาน้ำมันดีเซลที่เป็นต้นทุนสำคัญอย่างหนึ่ง จะปรับลดราคาลงมาแล้วก็ตาม แต่เป็นระยะสั้น และเพิ่งปรับราคาลดลงในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ประกอบการแบกภาระต้นทุนสูงมานาน ล่าสุดน้ำมันพืชได้รับการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาไปแล้ว ส่วนสินค้าเหล็ก นม ปุ๋ย.และ อาหารสัตว์กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาขอปรับขึ้นราคา
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับขึ้นราคาสินค้าจะส่งผลต่อแรงกดดันเงินเฟ้อที่สูงตามมาได้ โดยอัตราเงินเฟ้อล่าสุดในเดือนมิ.ย.ปี 51 อยู่ที่ร้อยละ 8.9 ต่อปี อย่างไรก็ตาม คาดว่าจากการออก 6 มาตรการ 6 เดือนของภาครัฐเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชน จะช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อและบรรเทาภาระค่าครองชีพในช่วงครึ่งปีหลังลงได้บ้าง
2. คาดการท่องเที่ยวครึ่งหลังปี 51 ชะลอตัว
- นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะถึงนี้ คาดว่าการเดินทางในลักษณะการเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ ไฟลต์) จากกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียที่บินตรงมาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสนามบินนานาชาติ จ.ภูเก็ต ลดลงอย่างน้อยร้อยละ 5-6 ต่อปี จากจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวที่จะเข้ามาประมาณ 8 หมื่นคน ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ทุกสายการบินปรับค่าธรรมเนียมน้ำมัน และตั๋วโดยสารขึ้นเกือบเท่าตัว นักท่องเที่ยวจึงชะลอวางแผนการเดินทางมากขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันที่ยังคงทรงตัวในระดับสูงนั้น จะส่งผลกระทบต่อทั้งต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการอุตสากรรมการท่องเที่ยวให้เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการเดินทางของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 51 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศ จำนวน 6.78 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 14.4 จากช่วงเดียวของปีก่อน
3. เงินเฟ้อเวียดนามปี 51 อาจถึงร้อยละ 25
- รัฐบาลเวียดนามคาดว่าอัตราเงินเฟ้อปี 51 จะอยู่ประมาณร้อยละ 25 สะท้อนถึงค่าเงินที่ผันผวนและประสิทธิภาพของรัฐบาลฮานอยในการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ และคาดว่าจะมีการค้าขาดดุลถึง 18.8 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ แม้จะมีการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 ต่อปี แต่การนำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่าที่ร้อยละ 29 ต่อปี รัฐบาลเวียดนามจึงปรับลดเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจมาอยู่ที่ร้อยละ 7 ต่อปี พร้อมขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ในขณะที่ ADB คาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวที่ร้อยละ 6.5 ต่อปี ลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้าที่ร้อยละ 7 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ร้อยละ 19.4 ต่อปี เพิ่มจากที่คาดไว้เดิมที่ร้อยละ 18.3
- สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจเวียดนามในปี 51 น่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 6.0 ต่อปี ชะลอลงจากร้อยละ 8.0 ต่อปี ในปีก่อนหน้า โดยอัตราเงินเฟ้อน่าจะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบและราคาอาหารที่สูงขึ้น จะทำให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอลง ในขณะที่การชะลอลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของเวียดนามจะทำให้การส่งออกของเวียดนามชะลอลง ส่วนการนำเข้าน่าจะยังคงขยายตัวตามการลงทุนในประเทศที่ยังคาดว่าจะขยายตัวในระดับสูง ส่งผลให้การค้าขาดดุลเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th