รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2551

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 30, 2008 11:55 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 30 ก.ค.51
SUMMARY:
- สภาหอการค้าไทย เผย 3 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปี 2551
- ครม.อนุมัติปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบ
- โอเปกคาดราคาน้ำมันลดลงอยู่ที่ 78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
HIGHLIGHT:
1.สภาหอการค้าไทย เผย 3 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปี 2551
- สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผย 3 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปี 2551 โดยปัจจัยเสี่ยงที่มีน้ำหนักมากที่สุด ได้แก่ 1) ความไม่สงบทางการเมือง 2) ราคาน้ำมันที่ผันผวน 3)การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งหลังปี 51 มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงของภาคการส่งออก ขณะที่เศรษฐกิจภาคอื่นๆมีสัญญาณการชะลอตัวเช่นกันโดยเฉพาะการลงทุนเอกชน โดยภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐเร่งรัดโครงการเมกะโปรเจ็กต์มากที่สุดในช่วงครึ่งหลังของปี 51 ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการที่จะเห็นผลได้ชัดเจนมากที่สุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งมองว่า 6 มาตรการจากภาครัฐนั้นเป็นการช่วยเหลือความเดือนร้อนแก่ประชาชนที่มีรายได้น้อยมากกว่า
- สศค. คาดว่า การส่งออกของไทยในครึ่งหลังปี 51 จะยังคงไม่ชะลอตัวลงมากนัก จากมูลค่าการส่งออกในครึ่งแรกปี 51 ขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 25.2 ต่อปี เนื่องจากมีอุปสงค์ต่างประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากตลาดส่งออกในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ เช่น จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง รวมถึงปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากตามราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น การปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ รวมถึงมาตรการรัฐบาลเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการเร่งรัดการเบิกจ่ายของรัฐบาล ส่งผลให้จีดีพีครึ่งหลังปี 51 จะยังคงขยายตัวได้ดี
2. ครม.อนุมัติปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบ
- เมื่อวานนี้ ครม. ได้อนุมัติปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบจากกิโลกรัมละ 14.50 บาทเป็นกิโลกรัมละ 18 บาท หรือเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 3.50 บาท สาเหตุจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุน จากค่าใช้จ่ายวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นได้ ในการปรับราคาครั้งนี้จะส่งผลต่อโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ทำให้ราคานมกล่องพาสเจอร์ไรซ์ และยูเอชทีให้สูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉลี่ยกล่องละประมาณ 1 บาท โดยทางสำนักงบประมาณจะเตรียมตั้งงบประมาณรองรับในปี 2552 ในส่วนของ 2 เดือนที่เหลือในปีงบประมาณ 2551 กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จะหารือสำนักงบประมาณเพื่อของบประมาณเพิ่มเติมต่อไป
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับราคาน้ำนมดิบทำให้ราคานมกล่องพาสเจอร์ไรซ์ และยูเอชที มีราคาสูงขึ้น อันเป็นผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ การเพิ่มราคานมเป็นภาระทางงบประมาณรายจ่ายขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ในส่วนของโครงการอาหารเสริม (นม) ทำให้ต้องมีการเบิกจ่ายในจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ เหลือของปีงบประมาณ 2551 และต่อไปในปีงบประมาณ 2552
3. โอเปกคาดราคาน้ำมันลดลงอยู่ที่ 78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
- สำนักข่าวเอเอฟที อ้างรายงานของประธานกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) เมื่อวันที่ 29 ก.ค.51 ว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นไปเหนือระดับ 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลนั้นถือเป็นราคาที่สูงขึ้นผิดปกติ และราคาน้ำมันที่แท้จริงน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าอย่างต่อเนื่องและสถานการณ์ในอิหร่านดีขึ้น นอกจากนี้ ยังกล่าวว่าแม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงบ้างแล้วประมาณร้อยละ 15 ในปัจจุบันแต่โอเปกจะไม่ปรับลดกำลังการผลิต เนื่องจากในขณะนี้ราคาน้ำมันไม่สัมพันธ์กันกับหลักอุปสงค์และอุปทาน
- สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 51 คาดว่าจะปรับตัวขึ้นเฉลี่ยที่ 116 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (หรืออยู่ในช่วง 110-120 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) สูงขึ้นมากจากปี 50 ที่อยู่ที่ 67.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือเร่งขึ้นร้อยละ 71.1 ต่อปี เนื่องจากอุปสงค์ต่อน้ำมันดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานของน้ำมันดิบเพิ่มได้อย่างจำกัด และการเก็งกำไรในตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าของกองทุนต่างๆเนื่องจากอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงตามที่โอเปกคาดการณ์จะส่งผลดีต่อภาคการผลิตและการบริโภคในประเทศไทยและช่วยลดปัญหาอัตราเงินเฟ้อลงได้
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ