Macro Morning Focus ประจำวันที่ 19 ส.ค. 2551
SUMMARY:
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะรัฐบาลให้ความสำคัญกับMega projects
- ทีดีอาร์ไอชี้น้ำมันร่วงลดแรงกดดันเงินเฟ้อ
- ราคาบ้านในอังกฤษตกต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
HIGHLIGHT:
1. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะรัฐบาลให้ความสำคัญกับMega projects
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ารัฐบาลควรทำการศึกษาเพื่อจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หรือ Mega projects เพื่อให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่สามารถแก้ไขปัญหาที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะในด้านการขนส่งซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันได้ ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นอันเร่งด่วนในการกระจายการลงทุนในการปรับโครงสร้างการขนส่ง และโลจิสติกส์ใหม่ (mode shift) ไปเป็นรูปแบบการขนส่งที่หลากหลาย (Multimodal) มากขึ้น เช่น การลดการขนส่งทางถนน และการจัดทำโครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่ครอบคลุม เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถลดอัตราส่วนการใช้พลังงานโดยรวมลงได้
- สศค. วิเคราะห์ว่า รัฐบาลได้วางแผนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐซึ่งมีมูลค่าการลงทุนในช่วงระยะกลาง (ระหว่างปี 2552 — 2555) ทั้งสิ้นกว่า 1,750 พันล้านบาท โดยเป็นมูลค่าการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกว่า 495 พันล้านบาท ทั้งนี้ จากแบบจำลองเศรษฐกิจของ สศค. พบว่าหากภาครัฐสามารถดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้ได้ตามแผนที่ตั้งไว้จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้สูงกว่ากรณีฐานประมาณร้อยละ 0.2 — 0.4 ต่อปีในช่วงระหว่างปี 2552 — 2555 ในขณะที่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจและความยั่งยืนทางการคลังของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
2. ทีดีอาร์ไอชี้น้ำมันร่วงลดแรงกดดันเงินเฟ้อ
- ทีดีอาร์ไอเผยแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก ช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อในครึ่งปีหลัง คาดจีดีพี ปีนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 5% เงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 6-7 %
- ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ทีดีอาร์ไอ กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องน่าจะช่วยลดแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวลดลงได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากแนวโน้มการชะลอตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงนโยบาย 6 มาตรการของภาครัฐ ส่งผลต่อการชะลอตัวของภาวะเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปี 51 โดย สศค. คาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ร้อยละ5.7 ต่อปี โดยในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 5.0-5.5 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ร้อยละ 6.0-8.0 ต่อปี โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านช่วงอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในช่วงไตรมาสที่ 3 และปรับลดลงในไตรมาสที่ 4
3. ราคาบ้านในอังกฤษตกต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
- ผลการสำรวจจากศูนย์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศอังกฤษเปิดเผยตัวเลขราคาบ้านในอังกฤษ เดือน ส.ค. 2551 พบว่าราคาบ้านตกต่ำสูงสุดในรอบ 6 ปี ที่ผ่านมา โดยหดตัวลงร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของของปีก่อน และคิดเป็นหดตัว ร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยสาเหตุสำคัญของราคาบ้านที่ตกต่ำเนื่องจากความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ลดลง จากปัญหาสภาพคล่องในตลาดการเงินส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีการตรึงตัวการปล่อยสินเชื่อ mortgage ให้กับลูกค้า
- สศค. วิเคราะห์ว่า ปัญหาสภาพคล่องในตลาดการเงินส่งผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะส่งผล wealth effect และกระทบต่อความต้องการบริโภคและการลงทุนในประเทศให้ชะลอลง รวมทั้งปัญหาอัตราเงินเฟ้อซึ่งจะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวในประเทศอังกฤษในปี 2551 อย่างไรก็ตาม คาดว่า ประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการชะลอตัวของอังกฤษอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกและการพึ่งพาเงินลงทุนจากอังกฤษมีสัดส่วนที่ต่ำเทียบกับมูลค่ารวมในปัจจุบัน
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th