Macro Morning Focus ประจำวันที่ 29 ส.ค. 2551
SUMMARY:
- ส่งออกข้าวไทยในเดือน ส.ค.51 มีปริมาณ 7 แสนตัน
- โรงกลั่นชี้ปีหน้าน้ำมันทรงตัวที่ 120 ดอลล่าร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย overnight
HIGHLIGHT:
1. ส่งออกข้าวไทยในเดือน ส.ค.51 มีปริมาณ 7 แสนตัน
- นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ในเดือน ส.ค.51 ไทยส่งออกข้าวได้แค่ 7 แสนตัน นับเป็นปริมาณการส่งออกต่ำสุดในรอบปี โดยปริมาณการส่งออกใน7 เดือนที่ผ่านเฉลี่ยเดือนละ เกือบ 1 ล้านตัน ขณะที่ปริมาณการส่งออกข้าว 8 เดือนแรกปี 51 มียอดรวมอยู่ที่ 7.5 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าการส่งออกข้าวไทยในปี 51 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 9.5 ล้านตัน
- สศค. วิเคราะห์ว่า การส่งออกข้าวในเดือนส.ค.ที่ลดลงส่วนหนึ่งมาจากผลผลิตข้าวนาปรังที่อยู่ในช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยวส่งผลให้มีปริมาณการในการส่งออกลดลง บวกกับประเทศอื่นมีการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น และคาดว่าในช่วงปลายปีการส่งออกได้ตามปกติ เนื่องจากจะมีผลผลิตข้าวนาปีออกมาประมาณ 22 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มชะลอลงในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นประกอบกับต่างประเทศโดยเฉพาะเวียดนามสามารถส่งออกได้ตามปกติ ส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศอาจชะลอลงได้
2. โรงกลั่นชี้ปีหน้าน้ำมันทรงตัวที่ 120 ดอลล่าร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- กรรมการผู้จัดการใหญ่บ. ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวในการสัมมนาเรื่อง “ทิศทางราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ในสภาวะปัจจุบัน”ว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะยังผันผวนอยู่โดยมีปัจจัยชี้นำจากการเก็งกำไร, การประท้วงในไนจีเรีย, สงครามอิรัก และ ลมฟ้าอากาศ ทังนี้นักวิเคราะห์ทั่วโลกคาดว่าในปี 2551 ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยจะอยู่ที่ 115 ดอลล่าร์/บาร์เรล และปี 2552 ราคาเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 120 ดอลล่าร์/บาร์เรล แต่ถ้าหากพิจารณาจากดีมานด์และซัพพลายน้ำมันดิบในตลาดโลกจะพบว่าราคาน้ำมันดิบน่าจะอยู่ที่ ระดับ 90 ดอลล่าร์/บาร์เรล
- สศค. วิเคราะห์ว่า ระดับราคาน้ำมันดิบเริ่มมีการชะลอตัวและปรับตัวลดลง นับตั้งแต่เดือนกค.ที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันดิบของโลกที่ลดลงเนื่องจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป, ปริมาณความต้องการใช้ดีเซลของจีนที่ลดลงหลังจบงานโอลิมปิก, การพัฒนาพลังงานทดแทนที่มากขึ้น, การเก็งกำไรมีแนวโน้มลดลงจากค่าเงินดอลล่าร์ที่แข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ทางสศค.คาดว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 105-115 ดอลล่าร์/บาร์เรล ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อได้มาก
3. ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย overnight
- การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก overnight ร้อยละ 0.25 เป็นที่ระดับร้อยละ 6.0 หลังการปรับขึ้นมาแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ overnight lending อยู่ที่ระดับร้อยละ 8 เพื่อรักษาระดับเงินให้อยู่ในช่วงเป้าหมายที่ตั้งไว้แม้ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะชะลอตัว
- สศค. วิเคราะห์ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและปัญหาเงินเฟ้อในประเทศจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลให้เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ ในปี 51 ขยายตัวในระดับร้อยละ 4.5 ต่อปีชะลอตัวลงจากร้อยละ 7.2 ในปี 50 โดยคาดว่าเงินเฟ้อจะเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 9 -11 ต่อปี อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ธนาคารกลางจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง แต่สำหรับค่าเงินเปโซซึ่งมีทิศทางอ่อนค่าลงต่อเนื่องนับจากต้นปี 51 โดยค่าเงินปัจจุบันเมื่อเทียบกับ ม.ค. 51 อ่อนค่าลงร้อยละ 11 ซึ่งดังกล่าวจะส่งผลต่อราคาสินค้านำเข้าและอัตราเงินเฟ้อของประเทศต่อไป
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th