Macro Morning Focus ประจำวันที่ 10 ก.ย. 2551
SUMMARY:
- ส.อ.ท.ประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์การเมืองต่อภาคอุตสาหกรรมไทย
- ยอดขอ BOI 8 เดือนปี 51 ลดลงร้อยละ 26.3 ต่อปี
- งบการเงิน ‘เฟรดดี-แฟนนี’ แย่ แผนแก้ไขปัญหาช้าทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นยาก
HIGHLIGHT:
1. ส.อ.ท.ประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์การเมืองต่อภาคอุตสาหกรรมไทย
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประเมินผลกระทบจากปัญหาการเมืองต่อภาคอุตสาหกรรมของไทยจากสมาชิก 39 กลุ่ม พบว่า 21 กลุ่มอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบหนักจากการปิดท่าเรือและสนามบิน ส่งผลกระทบยอดขายสินค้าหลายกลุ่มลดลง โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมสมุนไพร และอุตสาหกรรมยา โดยเฉพาะกลุ่มอุตฯ อาหาร จากวิกฤติอาหารและพลังงาน ทำให้หลายประเทศในโลกต้องการสินค้าอาหารจากไทยมากขึ้น นอกจากนี้จากปัญหาการหยุดการทำงานของพนักงานกรมศุลกากร ได้ส่งผล กระทบอย่างรุนแรงต่อการนำเข้า และส่งออกสินค้าผ่านด่านศุลกากร โดยเฉพาะสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศ หากส่งสินค้าไม่ทันเวลาจะมีผลต่อการยกเลิกคำสั่งซื้อ และกระทบต่ออุตสาหกรรมผู้ส่งออกในประเทศ รวมถึงปัญหาการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัว
- สศค. วิเคราะห์ว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยในภาพรวมจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงที่เหลือของปี อย่างไรก็ตาม ในช่วง 7 เดือนแรกปี 51 พบว่า ภาคอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์สามารถขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 36.7 และ 21.1 ต่อปี ตามลำดับ ในขณะที่อุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อใช้ภายในประกาศยังคงชะลอตัว เช่น อาหารและสิ่งทอ เป็นต้น
2. ยอดขอ BOI 8 เดือนปี 51 ลดลงร้อยละ 26.3 ต่อปี
- สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) ระบุว่านับตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค.51 มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน 848 โครงการ รวมมูลค่า 2.94 แสนล้านบาท ลดลงร้อยละ 26.3 ต่อปี ขณะที่จำนวนโครงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ต่อปี ทั้งนี้ ล่าสุด BOI ได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนรวมทั้งสิ้น 722 โครงการ มูลค่า 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งหากมีการลงทุนตามที่เสนอขอทั้งหมดจะก่อให้เกิดการจ้างแรงงาน 1.22 แสนคน โดยนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยเป็นอันดับ 1 จำนวน 216 โครงการ ตามมาด้วยสหภาพยุโรป โดยกิจการที่นักลงทุนต้องการเข้ามาลงทุน เป็นการแปรรูปอาหาร เป็นอันดับ 1 รวม 105 โครงการ ตามมาด้วยอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เซรามิก อุตสาหกรรมเบา อุปกรณ์ขนส่ง อิเล็กทรอนิกส์ กระดาษ พลาสติก และอุตสาหกรรมบริการ ตามลำดับ
- สศค. วิเคราะห์ว่า สถานการณ์การลงทุนของไทยในช่วงครึ่งแรกปี 51 พบว่านักลงทุนต่างประเทศลงทุนผ่าน FDI สุทธิ เป็นจำนวน 2.9 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นและยุโรปเป็นหลัก ทั้งนี้ FDI สุทธิ ในช่วงครึ่งแรกปี 51 หดตัวร้อยละ -31.0 ต่อปี
3. งบการเงิน ‘เฟรดดี-แฟนนี’ แย่ แผนแก้ไขปัญหาช้าทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นยาก
- กระทรวงการคลังและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความเห็นว่า การคำนวณบัญชีซึ่งจากสมาคมจดจำนองแห่งชาติของรัฐบาลกลางหรือ แฟนนี เม นำมาใช้ ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศยึดกิจการเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เกิดโครงสร้างองค์กรและการเงินเปราะบางในช่วงตลาดบ้านสหรัฐตกต่ำ โดยนายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานเฟดเมืองดัลลาสกล่าวว่า หลังจากพิจารณางบการเงินของเฟรดดีกับแฟนนีแล้ว ผู้ตรวจสอบของเฟดลงความเห็นว่า การดำรงเงินกองทุนของบริษัททั้งสองแห่งอยู่ระดับต่ำเกินไป และคุณภาพเงินกองทุนเทียบกับมูลค่าเงินปล่อยกู้แล้วต่ำเกินไป
- ขณะเดียวกัน นักข่าวเอพีอ้างความเห็นนักวิเคราะห์กลุ่มหนึ่งที่ว่า แม้แผนอุ้มเฟรดดีกับแฟนนีจะช่วยเยียวยารักษาอาการป่วยของเศรษฐกิจสหรัฐได้ แต่แผนดังกล่าวมีแนวโน้มเป็นยาออกฤทธิ์ช้าอาจไม่ช่วยเศรษฐกิจให้หายจากอาการป่วยซบเซาได้
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากปัญหาเฟรดดีแมคและแฟนนีเมดังกล่าวทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องมีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือ เช่น การเพิ่มวงเงินรับประกันรายบุคคลของแฟนนีและเฟรดดีจากสูงสุดที่ 417 พันล้านดอลลาร์ เป็น 625 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นภาระทางการคลังของสหรัฐ ทั้งนี้ คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจะชะลอตัวลงอย่างมากและอาจจะต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 52
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th