Macro Morning Focus ประจำวันที่ 17 ก.ย. 2551
SUMMARY:
- ADB เผยหากสถานการณ์การเมืองไทยยืดเยื้ออาจส่งผลต่อจีดีพีไทยโตไม่ถึง 5%
- สทท. จี้รัฐฟื้นเป้าท่องเที่ยว พร้อมให้โรงแรมตรึงราคาไฮซีซัน
- ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) คงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี
HIGHLIGHT:
1. ADB เผยหากสถานการณ์การเมืองไทยยืดเยื้ออาจส่งผลต่อจีดีพีไทยโตไม่ถึง 5%
- ผู้อำนวยการสนง. ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียประจำประเทศไทย (ADB) เผยเอดีบีคาดการณ์จีดีพีไทยปี 51 ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 5% โดยปีหน้าขยายตัวลดลงจากเดิมที่คาดไว้ที่ 5.2% คงเหลือ 5% โดยแสดงความกังวลถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ซึ่งถ้าหากยืดเยื้ออาจจะส่งผลกระทบต่อศ.ก.ไทย ขยายตัวได้เพียง 4.5% ความไม่แน่นอนทางการเมืองจะส่งผลให้ไม่มีคนกล้าลงทุนไปอีกนานอาจเป็น 1-2 ปี ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตกับความสามารถแข่งขันของไทยที่มีอยู่ให้ลดลงและหมดไป จนกระทบต่อศ.ก.ประเทศ รวมถึงส่งผลกระทบการท่องเที่ยวของไทยที่แย่ลง หากไทยไม่เร่งปรับกลยุทธ์ก็อาจส่งผลต่อจีดีพีไทยที่ต้องชะลอตัวลงดังกล่าว
- สศค. วิเคราะห์ว่า ภาพรวมศ.ก.ไทยยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากการส่งออกไทยในรูปดอลล่าร์ยังคงขยายตัวได้ดีมากที่ร้อยละ 25 ต่อปี สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพราราคาเกษตรกรรมที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่ยังคงมีความเสี่ยงจากการลงทุนและการท่องเที่ยวของไทยที่ชะลอตัวลงจากความผันผวนทางการเมืองที่ต้องติดตามใกล้ชิดต่อไป
2. สทท. จี้รัฐฟื้นเป้าท่องเที่ยว พร้อมให้โรงแรมตรึงราคาไฮซีซัน
- ประธานสภาอุตสาหรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวในงานประชุม”สรุปสถานการณ์ท่องเที่ยวภายใต้วิกฤติความขัดแย้งทางการเมือง” ว่าความวุ่นวายทางการเมืองส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นกลุ่มจะได้รับผลกระทบมากที่สุด คาดว่าในไตรมาสสุดท้ายจะลดลงเฉลี่ยร้อยละ 30 จากปี 2007 หรือราว 524,715 คน สูญเสียรายได้ราว 2หมื่นล้านบาท พร้อมกันนั้นได้แถลงข้อเสนอให้รัฐบาล4ข้อหลัก ได้แก่ 1.เร่งรัฐสภาพิจารณาพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายปี 2552 ให้ทันในวันที่ 1 ต.ค. 2551 2.จัดระดับขั้นของวิกฤติที่เกิดขึ้นเพื่อสื่อสารกับต่างประทเศได้ง่ายขึ้น 3.เร่งเจรจาให้ 24 ประเทศ ยกเลิกประกาศเตือนภัยนักท่องเที่ยวของตน 4.ให้รัฐเพิ่มวันหยุดในแต่ละฤดูกาลท่องเที่ยว รวมทั้งจัดสรรงบเพื่อประชุมสัมมนาในประเทศเพิ่มขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นประกอบกับการประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ส่งผลกระทบต่อความไม่มั่นใจในการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จนทำให้ต้องยกเลิกการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทางสศค.คาดว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงในช่วงก่อนเดือน พ.ย. 2551 (ไม่ยืดเยื้อ) จะส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติลดลงราว 30,500 ล้านบาท แต่ถ้าหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย (ยืดเยื้อ) จะส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 72,900 ล้านบาท
3. ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) คงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี
- ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐในวันที่ 16 ก.ย. 51 ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย Fed Fund ไว้ที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี โดยให้เหตุผลว่า Fed ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในระดับที่เท่ากัน ซึ่งเป็นการสวนทางกับการคาดการณ์ของตลาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึงร้อยละ 50 ในการประชุมครั้งนี้ จากปัญหาวิกฤตตลาดการเงินจากการล้มละลายของบริษัท Lehman Brother และการขายกิจการของ Merrill Lynch รวมถึงการขอเข้ารับการช่วยเหลือจาก Fed ของบริษัทประกัน AIG
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากความเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มผ่อนคลายลงโดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนส.ค.51 ที่อยู่ที่ร้อยละ 5.4 ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 5.6 ต่อปี (สูงสุดในรอบ 17 ปี) ในขณะที่ปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินจากปัญหาสภาพคล่องที่คาดว่าจะมีตามมาอีก ส่งผลให้คาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย Fed Fund ในการประชุมวันที่ 28/29 ต.ค.51 นี้ ทั้งนี้คาดว่าปัจจัยด้ายการเงินของสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ต่อไปจนสิ้นปี 2551 และส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอลงจากที่คาดการไว้เดิมที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th