Macro Morning Focus ประจำวันที่ 18 ก.ย. 2551
SUMMARY:
- ปรับเป้าผลิตรถยนต์เพิ่มจากปีก่อน 13.1
- ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ส.ค. เพิ่มต่อเนื่องเดือนที่ 3
- ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เพิ่มทุน 2.89 ล้านล้านบาทให้ AIG
HIGHLIGHT:
1. ปรับเป้าผลิตรถยนต์เพิ่มจากปีก่อนร้อยละ 13.1 ต่อปี
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จะปรับเป้าการผลิตรถยนต์ในปี 51 ใหม่ จากเดิมที่ตั้งไว้ 1.427 ล้านคัน เป็น 1.457 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากเป้าเดิม 3 หมื่นคัน เมื่อเทียบกับยอดการผลิตปี 50 พบว่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 ต่อปี เนื่องจากยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งในประเทศ 6 เดือนแรกขยายตัวถึงร้อยละ 32 ต่อปี ส่วนยอดผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน ลดลงร้อยละ 2 ต่อปี โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ 6.66 แสนคันเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 ต่อปี และผลิตเพื่อส่งออก 7.91 แสนคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 ต่อปี ทั้งนี้ ยอดการผลิตรถยนต์นั่งจะผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.10 ขณะที่รถกระบะ 1 ตัน และรถบรรทุกจะลดการผลิตลง คิดเป็นอัตราลดลง ร้อยละ 1.99 และร้อยละ 18.18 ตามลำดับ
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับเพิ่มผลิตรถยนต์โดยเฉพาะในส่วนรถยนต์นั่ง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่มีต่อกำลังซื้อภาคเอกชนภายในประเทศและตลาดส่งออกรถยนต์ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่มีทิศทางปรับตัวดีต่อเนือง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการภาครัฐสนับสนุนการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน E20 และการกระจายตลาดส่งออกรถยนต์ของไทยไปยังตลาดภูมิภาคอาเซียน ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนอาจชะลอตัวลง สะท้อนได้จากการปรับลดการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์
2. ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ส.ค. เพิ่มต่อเนื่องเดือนที่ 3
- นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. 2551 ว่าอยู่ที่ 83.0 เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค. 2551 ที่อยู่ที่ระดับ 76.9 ซึ่งถือว่าเป็นค่าดัชนีเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 82.9 เป็น 89.0 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปู้ประกอบการอุตสาหกรรมมีความเชื่อมั่นต่อการทำธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้ามากขึ้นหรือในระดับที่มั่นใจมากขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า ราคานั้มนที่ปรับตัวลดลงและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นทุนการประกอบการลดลงและขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายเดือน ส.ค. และต้นเดือน ก.ย. ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงด้านสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองและการหยุดงานของพนักงานรัฐวิสาหกิจบางแห่งซึ่งเป็นการปิดเส้นทางขนส่งสินค้า จึงคาดว่าน่าจะส่งผลกระทบทางลบอย่างชัดเจนมากขึ้นต่อดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมในเดือนก.ย.
3. ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เพิ่มทุน 2.89 ล้านล้านบาทให้ AIG
- ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed)ตัดสินใจเพิ่มทุนบริษัทอเมริกา อินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป (AIG) บริษัทประกันรายใหญ่สุดของประเทศสหรัฐ โดยใช้ช่องปล่อยกู้ฉุกเฉิน จำนวน 85,000 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 2.89 ล้านล้านบาท แลกกับการที่รัฐบาลเข้าไปถือหุ้นร้อยละ 79.9 เนื่องจากเฟดต้องการพยุงตลาดการเงินของสหรัฐที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง
- สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมร้อยละ 1.5 (ณ เดือนมิ.ย.51) เนื่องจากวิกฤตซับไพร์มที่ยังส่งผลกระทบต่อเนื่อง โดยล่าสุดส่งผลให้ บริษัท Lehman ประกาศล้มละลายซึ่งจะส่งผลกระทบไปในตลาดการเงินทั่วโลก ทั้งนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เข้าอัดฉีดสภาพคล่องเข้าบริษัทเอไอจีเพื่อป้องกันปัญหาสภาพคล่องตึงตัวรุนแรง (Credit Crunch) นั้นจะเป็นการพยุงตลาดเงินตลาดทุนไม่ให้ทรุดตัวมากกว่าเดิม
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th