Macro Morning Focus ประจำวันที่ 25 ก.ย. 2551
SUMMARY:
- สภาเรือชี้วิกฤติสหรัฐฯ ฉุดส่งออก 2 แสนล้าน
- เฟดจี้ผ่านแผนอุ้มสถาบันเงิน
- ราคาน้ำมันดิบในช่วงสัปดาห์ก่อนมีความผันผวนมาก
HIGHLIGHT:
1. สภาเรือชี้วิกฤติสหรัฐฯ ฉุดส่งออก 2 แสนล้าน
- นายสุชาติ จันทรานาคราช ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยถึงผลกระทบจากวิกฤติการเงินของสหรัฐฯ กับการส่งออกไทยว่า ปัญหาวิกฤติการเงินในสหรัฐฯ จะทำให้ความสามารถในการซื้อสินค้าของผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงประมาณร้อยละ20 — 30 เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวและเงินดอลลาร์อ่อนค่า ซึ่งปัญหานี้จะส่งผลกระทบต่อเนื่องกับการส่งออกของไทยในปี 2552 ที่คาดว่าปริมาณการส่งออก จะลดลงประมาณร้อยละ 4 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท
- สศค. วิเคราะห์ว่า วิกฤติการเงินและการชะลอตัวลงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในปี 2552 ให้ชะลอตัวลง โดยสินค้าส่งออกที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ สินค้าที่ไม่จำเป็น เช่น เครื่องประดับ และเสื้อผ้าดังนั้น ผู้ส่งออกต้องปรับตัวโดยการเปลี่ยนกลยุทธ์ในการส่งออกไปยังตลาดใหม่เช่น จีน ตะวันออกกลาง และอินเดีย แทนตลาดเดิมอย่างสหรัฐฯ เพื่อเป็นการชดเชยการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มลดลง
2. เฟดจี้ผ่านแผนอุ้มสถาบันเงิน
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งผ่านแผนการช่วยเหลือสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะทรุดตัวลงยิ่งกว่านี้หากตลาดภายในประเทศไม่เคลื่อนไหวตามปกติ โดยเชื่อว่าถ้าตลาดสินเชื่อไม่ทำงานตามกลไกปกติ อัตราว่างงานจะพุ่งสูงขึ้นอีก จำนวนบ้านจะถูกยึดเพิ่มขึ้น และตัวเลขGDP จะถดถอย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวช้าลง ซึ่งเป้าหมายเดียวในขณะนี้คือการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้แข็งแกร่งและฟื้นตัวโดยเร็ว
- สศค. วิเคราะห์ว่า การเร่งแผนการช่วยเหลือสถาบันการเงินของสหรัฐโดยเร็ว จะช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่องตึงตัวรุนแรง (Credit Crunch) ลดลงได้บ้าง ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นให้แก่ตลาดเงินตลาดทุนของสหรัฐ และลดความเสี่ยงที่จะส่งผลลุกลามไปสู่ภาคเศรษฐกิจจริง ทั้งนี้ จากเครื่องชี้การบริโภคล่าสุดวัดจากยอดขายปลีกของสหรัฐหากไม่รวมยอดขายรถยนต์ เดือน ส.ค. ล่าสุด หดตัวลงถึงร้อยละ -0.7 ต่อปี บ่งชี้ถึงแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวลงอย่างชัดเจน
3. ราคาน้ำมันดิบในช่วงสัปดาห์ก่อนมีความผันผวนมาก
- สถานการณ์ความคืบหน้าราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่แล้ว (16-23 ก.ย.51) มีความผันผวนมากโดยในวันที่ 16 ก.ย. 51 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 91.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาคการเงินและสถาบันการเงินของสหรัฐก่อนจะปรับตัวสูงขึ้น 4 วันติดต่อกันมาอยู่ที่ระดับ 120.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันที่ 22 ก.ย.51ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายที่ส่งมอบในเดือนต.ค. ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ส่งมอบในเดือนพ.ย.ยังซื้อขายอยู่ที่ระดับ 106 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบที่มีความผันผวนมากในปัจจุบัน สาเหตุหลักมาจากการเก็งกำไรในตลาดน้ำมันเนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงตามการชะลอตัวของภาคการเงินและสถาบันการเงินสหรัฐ อย่างไรก็ตาม สศค.คาดว่าราคาน้ำมันดิบในปี 51อยู่ที่ระดับ 100-105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ระดับ 116 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปีโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากวิกฤตซับไพร์มและกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศอื่นๆทำให้อุปสงค์การใช้น้ำมันของโลกลดลง
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th