Macro Morning Focus ประจำวันที่ 26 ก.ย. 2551
SUMMARY:
- ธนาคารกลางต่างๆในโลกส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ก.พลังงานชี้ผู้ผลิตเอทานอลโก่งราคาเห็นควรชะลอราคา 24 บาท/ลิตรเดือนหน้า
- อังค์ถัดเผยเอฟดีไอโลกมีแนวโน้มลดลง 10% เหตุจากวิกฤติการเงินสหรัฐ
HIGHLIGHT:
1. ธนาคารกลางต่างๆในโลกส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อตลาดเงิน ตลาดทุน รวมทั้งตลาดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในโลกให้ผันผวน ซึ่งนักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นว่าเม็ดเงินจำนวน 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจะสามารถแก้สถานการณ์ได้ ทั้งนี้ แนวโน้มดอกเบี้ยของธนาคารกลางมีแนวโน้มจะปรับลด
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งธนาคารกลางหลายประเทศใช้วิธีอัดฉีดสภาพคล่องสู่ระบบเพื่อแก้ไขปัญหาขาดสภาพคล่อง
- สศค. วิเคราะห์ว่าผลจากวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งส่งผลทางตรงต่อเงินทุนไหลออกในตลาดทุนและส่งผลทางอ้อมต่อภาคการส่งออกไปยังประเทศที่ได้รับผลกระทบ และภาวะตรึงตัวของสภาพคล่องในตลาดเงินตลาดทุน ซี่งดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นถึงกลาง ทั้งนี้ สศค. คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (RP 1 วัน) จะคงที่ที่อัตราร้อยละ 3.75 ต่อปี จนถึง ณ สิ้นปี 2551 เพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือรักษาเสถียรภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายการคลัง และการดูแลกำกับสถาบันการเงิน ทั้งนี้ สำหรับธนาคารกลางต่างๆในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ธนาคารกลางจีน และธนาคารกลางไต้หวันได้มีการนำร่องลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้วที่ร้อยละ 0.27 ต่อปี และ 0.125 ต่อปี ตามลำดับ ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจีนสูงกว่าไทยที่ร้อยละ 3.45 และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยสูงกว่า
ไต้หวันอยู่ที่ร้อยละ 0.25 ต่อปี
2. ก.พลังงานชี้ผู้ผลิตเอทานอลโก่งราคา เห็นควรชะลอราคา 24 บาท/ลิตร เดือนหน้า
- ก.พลังงานเปิดเผยถึงวัตถุดิบ (กากน้ำตาล) ผลิตเอทานอลมีปริมาณ 3.3 ล้านตัน ซึ่งจะพอเพียงและไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน ส่งผลให้ราคาเอทานอลสูงขึ้นจาก 18 เป็น 22 บาท แต่โรงงานผลิตฉวยโอกาสบวกพรีเมี่ยมอีก 2 บาท รวมเป็น 24 บาทต่อลิตรทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะมีโรงงานปิดซ่อมอีก 4-5 แห่ง รวมทั้งมีการส่งออกเอทานอลมากขึ้นซึ่งส่งผลให้ปริมาณเอทานอลหายไปจากตลาด 4-5 แสนลิตรต่อวัน ส่งผลให้ราคาเอทานอลตรึงตัว
- สศค. วิเคราะห์ว่าจากผลของมาตรการ 6/6 ฝ่าวิกฤตของรัฐบาล ที่กำหนดให้ลดภาษีสรรพสามิตแก๊สโซฮอล์อีก 3.3 บาท/ลิตร ส่งผลให้อุปสงค์เอทานอลเพื่อผลิตแก๊สโซฮอล์เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับอุปทานที่ลดลงจากการปิดซ่อมโรงกลั่นและการส่งออกบางส่วนซึ่งปัจจัยต่างๆดังกล่าวส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวเชื่อว่าจะเป็นปัญหาระยะสั้น โดยเมื่อโรงกลั่นได้กลับเข้ามาเปิดทำการใหม่ปัญหาราคาเอทานอลตรึงตัวจะคลี่คลายมากขึ้น
3. อังค์ถัดเผยเอฟดีไอโลกมีแนวโน้มลดลง 10% เหตุจากวิกฤติการเงินสหรัฐ
- ที่ประชุมอังค์ถัดเผยรายงานการลงทุนโลกประจำปี 2551 ว่ากระแสการลงทุนตรงจากต่างประเทศ(เอฟดีไอ) ทั่วโลก มีแนวโน้มลดลง 10% ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาในตลาดการเงินโลกที่เกิดจากวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐ อย่างไรก็ดี จากผลการสำรวจผู้บริหารบริษัทข้ามชาติ พบว่าประเทศกำลังพัฒนายังเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจอยู่ โดยจากการจัดอันดับ ประเทศที่น่าลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน อินเดีย สหรัฐ รัสเซีย และบราซิล ส่วนประเทศไทยยังคงอยู่ใน 30 อันดับแรกใกล้เคียงกับมาเลเซียและฟิลิปปินส์ ในขณะที่เอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังเป็นภูมิภาคที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้มากสุดถึง 16% ของยอดเอฟดีไอทั่วโลก
- สศค. วิเคราะห์ว่า วิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐ ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดโภคภัณฑ์มีความผันผวนและคาดการณ์ได้ยาก ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน หากวิกฤตการณ์การเงินครั้งนี้ยืดเยื้อในระยะยาว จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนทางตรงในประเทศไทยอย่างมาก เพราะประเทศที่มีศักยภาพแข่งขันกับไทยได้เช่น จีน อินเดีย และเวียดนาม น่าจะดึงดูดการลงทุนได้มากกว่า เนื่องจากมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่า ตลาดใหญ่กว่า และต้นทุนโดยเปรียบเทียบต่ำกว่า
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th