มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่แท้จริงของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2 และยอดรายได้การใช้จ่ายและการออมส่วนบุคคลในเดือนสิงหาคม 2551

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 3, 2008 16:27 —กระทรวงการคลัง

มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่แท้จริง
สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ รายงานอัตราการขยายตัวของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ที่ร้อยละ 2.8 ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ร้อยละ 3.3 เปรียบเทียบกับอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 ในไตรมาสแรกของปี 2551 ดังแผนภาพแสดงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไปนี้
การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2 นั้น เป็นผลสืบเนื่องจากปริมาณการส่งออกสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงชะลอตัว โดยตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่รวมมูลค่ากว่าสองในสามของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมนั้น ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.2 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 1.7 นอกจากนี้การตกต่ำของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นปัจจัยในทางลบที่ฉุดมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การปรับลดตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงของสหรัฐฯ จากที่คาดการณ์นั้น เป็นผลจากแรงกดดันเชิงลบของ (1) ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น (2) ปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ากว่าปริมาณการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น และ (3) การลงทุนในสินค้าประเภทเครื่องมือและสินค้าประเภทซอฟท์แวร์ที่ปรับลดลง ในไตรมาสที่ผ่านมา
ยอดรายได้ การใช้จ่าย และการออมส่วนบุคคลของสหรัฐฯ
1. รายได้ส่วนบุคคล (Personal Income) ของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคมขยายตัว 61.5 พันล้านเหรียญ สรอ. หรือร้อยละ 0.5 หลังจากที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.6 ในเดือนก่อนหน้า โดยการขยายตัวในเดือนสิงหาคมนั้น เป็นผลสืบเนื่องจากการจ่ายคืนเงินชดเชยภาษีตามพระราชบัญญัติกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2551 (Economic Stimulus Act 2008) ที่ส่งผลให้ตัวเลขการขยายตัวของรายได้ส่วนบุคคลในเดือนกรกฎาคมลดต่ำลง หากไม่รวมผลของการจ่ายคืนเงินชดเชยภาษีตามพระราชบัญญัติดังกล่าว รายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ใน เดือนสิงหาคม และร้อยละ 0.6 ในเดือนกรกฎาคม ตามลำดับ
2. รายได้ส่วนบุคคลสุทธิ (Disposable Personal Income - DPI) หรือรายได้ที่ครัวเรือนได้รับหลังหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่สามารถนำไปใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคหรือการออมนั้น ปรับตัวลดลง 93.3 พันล้านเหรียญ สรอ. หรือร้อยละ 0.9 ในเดือนสิงหาคม หลังจากที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.8 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นผลจากการจ่ายคืนเงินชดเชยภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ เช่นกัน
การจ่ายคืนเงินชดเชยภาษีตามพระราชบัญญัติกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ส่งผลกระทบต่อตัวเลขรายได้ส่วนบุคคลสุทธิของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนเมษายนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้จ่ายคืนเงินชดเชยภาษีรวม 1.9 พันล้านเหรียญ สรอ. ในเดือนเมษายน 48.1 พันล้านเหรียญ สรอ. ในเดือนพฤษภาคม 27.9 พันล้านเหรียญ สรอ. ในเดือนมิถุนายน 13.7 พันล้านเหรียญ สรอ. ในเดือนกรกฎาคม และ 1 พันล้านเหรียญ สรอ. ในเดือนสิงหาคมตามลำดับ หากไม่รวมผลของการจ่ายคืนเงินชดเชยภาษีที่กล่าว รายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือนสิงหาคม และร้อยละ 0.7 ในเดือนกรกฎาคม ตามลำดับ
3. รายได้ส่วนบุคคลที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้จริง (Real Disposable Personal Income — Real DPI) หรือรายได้สุทธิหลังหักภาษีและเงินเฟ้อที่สามารถนำไปใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคหรือการออมได้จริงนั้น ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.9 ในเดือนสิงหาคม หลังจากที่ปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 1.5 ในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมผลของการจ่ายคืนเงินชดเชยภาษีจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่กล่าว รายได้ส่วนบุคคลที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้จริงของสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลงเพียงร้อยละ 0.5 ในเดือนสิงหาคม เปรียบเทียบกับการปรับตัวลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือนกรกฎาคม
4. ยอดการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคอุปโภคส่วนบุคคล (Real Personal Consumption Expenditures - PCE) ในเดือนสิงหาคม ประชากรสหรัฐฯ ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นน้อยกว่าร้อยละ 0.1 เปรียบเทียบกับการใช้จ่ายในเดือนกรกฎาคมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 โดยมีค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods) รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นองค์ประกอบหลักหลังจากที่ปรับตัวลงในเดือนก่อนหน้า ในขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการบริการ (Services) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1
5. ระดับราคา (PCE Price Index) ซึ่งวัดโดยดัชนีราคาของการใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลในเดือนสิงหาคมคงที่จากเดือนก่อนหน้า หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในเดือนกรกฎาคม โดยดัชนีราคาของการใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล ที่ไม่รวมสินค้าอาหารและน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 คงที่จากเดือนก่อนหน้า
6. การออมส่วนบุคคล (Personal Saving) ที่คิดเป็นสัดส่วนจากรายได้ส่วนบุคคลที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้จริง ประชาชนมีการออมอยู่ที่ร้อยละ 1.0 ในเดือนสิงหาคมซึ่งลดลงจากเดือนกรกฎาคมที่มีการออมอยู่ร้อยละ 1.9 โดยปริมาณการออมจากรายได้ในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากผู้บริโภค ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน ใช้จ่ายรายได้จาก การขายหน่วยลงทุน หรือใช้จ่ายเงินออมจากช่วงก่อนหน้า
อัตราการเติบโตของรายได้ส่วนบุคคลที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลจากการจ่ายคืนเงินภาษีตามพระราชบัญญัติกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2551 ที่ส่งผลให้รายได้ส่วนบุคคลในสองเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับต่ำกว่าปกติ ส่วนรายได้ที่แท้จริงของประชากรสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่นับเป็นอัตราที่ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า หากไม่คำนึงถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากอัตราภาษีที่ลดลงจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กล่าว รายได้ที่แท้จริงของประชากรสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคมจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่รายได้ที่แท้จริงของประชากรสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
ที่มา : Macroeconomic Analysis Group : Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ