Macro Morning Focus ประจำวันที่ 8 ต.ค. 2551
SUMMARY:
- สภาหอการค้าฯและสภาอุตสาหกรรมฯเร่งรัฐฟื้นความเชื่อมั่น
- ม.หอการค้า ชี้วิกฤตศ.ก.การเงินสหรัฐส่งผลให้ยอดส่งออกไทยปี 51 หดตัวร้อยละ 0.07
- ออสเตรเลียประเดิมเจ้าแรก 1%
HIGHLIGHT:
1. สภาหอการค้าฯและสภาอุตสาหกรรมฯเร่งรัฐฟื้นความเชื่อมั่น
- ประธานหอการค้าไทยเปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ปะทะกับตำรวจว่าเป็นเรี่องที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากนอกจากปัญหาการเมืองแล้วยังมีปัจจัยลบภายนอกจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอย่างหนัก เชื่อว่าการตัดสินใจเข้ามาลงทุนเพิ่มของชาวต่างชาติจะหยุดชะงักลงนักลงทุนที่ลงทุนอยู่แล้วก็ไม่รู้ทิศทางว่าจะส่งสินค้าออกไปต่างประเทศได้อย่างไร
- ด้านประธานสภาอุตสาหกรรมฯเผยเหตุการณ์นี้กระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของไทย รัฐบาลไทยควรเร่งหาทางยุติสถานการณ์โดยเร็วไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง พร้อมกล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่าค่อนข้างครอบคลุมทั้งหมด ทั้งการดูแลสภาพคล่องวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, การลงทุนเมกะโปรเจกต์, การสร้างสันติสุขในจังหวัดภาคใต้
- สศค. วิเคราะห์ว่า ปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะต้องเผชิญนอกเหนือจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่กำลังลุกลาม ดังนั้น ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็วและปราศจากความรุนแรงเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจไทยในปี 52 ทั้งนี้ สศค.คาดว่าการลงทุนของภาครัฐในปีหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 8-9 ต่อปีจะช่วยเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
2.ม.หอการค้า ชี้วิกฤตศ.ก.การเงินสหรัฐส่งผลให้ยอดส่งออกไทยปี 51 หดตัวร้อยละ 0.07
- ศูนย์การศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้า เผยจากการประเมินวิกฤตเศรษฐกิจการเงินสหรัฐที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้มูลค่าการส่งออกไทยปี 51 ลดลงร้อยละ -0.07 ส่งผลให้การส่งออกทั้งปีขยายตัวร้อยละ 18.9-20.7 โดยเป็นการส่งออกไปตลาดสหรัฐอย่างเดียวจะขยายตัวเพียงร้อยละ 5.5 ขณะที่การส่งออกปี 52 ของไทยจะได้รับผลกระทบดังกล่าวโดยส่งออกลดลงร้อยละ -1.05 ถึง -1.09 ทำให้การส่งออกในปี 52 ขยายตัวเพียงร้อยละ 12.9-15 โดยการส่งออกไปตลาดสหรัฐจะหดตัวลงร้อยละ -5.7 โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมที่ได้รับ
ผลกระทบสูงสุด ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ(ร้อยละ 86.7) คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ(ร้อยละ 85.7) และผลิตภัณฑ์พลาสติก(ร้อยละ 80)
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากการประมาณการของสศค. (ณ เดือนก.ย. 51) การขยายตัวของการส่งออกไทยปี 51 จะขยายตัว 20% โดยยังคงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากที่ขยายตัว 18.1% ในปี 50 จากการที่ไทยสามารถขยายตลาดอื่นได้มากขึ้นแทนที่ตลาดเดิมเช่นสหรัฐฯ ซึ่งในปี 2552 สศค.คาดว่าจากการประมาณการฯ การขยายตัวของการส่งออกไทยปี 52 จะขยายตัวร้อยละ 11 -13
3. ออสเตรเลียประเดิมเจ้าแรก 1%
- ธนาคารกลางออสเตรเลีย (อาร์บีเอ) ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Cash rate) มาร้อยละ 1.0 มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.5 ทำให้ปัจจุบันอยู่ที่ระดับร้อยละ 6.0 ต่อปี ถือเป็นอัตราที่ตัดลดมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.35 ทั้งนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียให้เหตุผลให้การปรับลดครั้งนี้เพื่อตอบรับกับภาพรวมเศรษฐกิจโลก และคาดว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อต่อเศรษฐกิจออสเตรเลีย ซึ่งนอกจากสภาพการณ์ของตลาดการเงินโลกจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ย่ำแย่ลงในเดือนก.ย. ที่ผ่านมาแล้ว อัตราการขยายตัวของหลายประเทศในเอเชียยังชะลอตัวลง
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลียเป็นสัญญาณถึงแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกว่าจะเป็นไปในลักษณะผ่อนคลายลง จากสภาพสินเชื่อตึงตัวในระบบการเงิน รวมถึงการชะลอตัวลงทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็มีทีท่าว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค. นี้ ภายหลังจากการยุติการปรับลดมาตั้งแต่เดือนมิ.ย. 51 ที่ผ่านมา
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th