นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการในนามประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และได้เปิดเผยสาระสำคัญของผลการประชุม ดังนี้
1.) การประชุมครั้งนี้ได้จัดขึ้นในขณะเวลาที่เหมาะสมอย่างมาก และประเทศในโลกกำลังเผชิญปัญหาจากผลของวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาและยุโรป จากการประเมินสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่า ยังมีความเข้มแข็ง และไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนมีความเห็นพ้องต้องกันที่จะต้องมีการสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งมากขึ้นในด้านเศรษฐกิจการเงินเพื่อปกป้องและสร้างเสถียรภาพให้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้
2.) ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอการเพิ่มศักยภาพของการติดตามและสร้างระบบระวังภัยทางเศรษฐกิจ (ASEAN Surveillance Process) ของสำนักงานเลขาธิการอาเซียน โดยการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมาเพื่อการศึกษาและติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมหภาคของแต่ละประเทศ การเพิ่มศักยภาพนี้จะช่วยสนับสนุนและเร่งรัดโครงการริเริ่มเชียงใหม่แบบพหุภาคี (Chiang Mai Initiative (CMI) Multilateralisation) ระหว่างอาเซียนกับประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่จะทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของประเทศในกลุ่ม ASEAN+3 อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.) ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอโครงการประเมินความพร้อมของระบบการเงินของประเทศในอาเซียนในมิติต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการวางแผนและกำหนดขั้นตอนที่เหมาะสมสำหรับประเทศต่างๆ เพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 (ค.ศ. 2015) นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับข้อเสนอของนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ว่า การศึกษาและประเมินความพร้อมของประเทศต่างๆ นั้น ต้องพิจารณาถึงกรณีที่จะดำเนินการหรือร่วมมือระหว่างกันในกรณีที่จะต้องแก้ปัญหาวิกฤตให้เป็นผล มิได้ดูเฉพาะการก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียว ซึ่งประเด็นนี้ก็กำลังเป็นปัญหาความยากลำบากในการหาความร่วมมือกันในประชาคมยุโรป เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติการเงินที่ลุกลามเข้าสู่ยุโรปในขณะนี้
สำนักนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. (02) 273-9020 ต่อ 3666
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 72/2551 8 ตุลาคม 51--
1.) การประชุมครั้งนี้ได้จัดขึ้นในขณะเวลาที่เหมาะสมอย่างมาก และประเทศในโลกกำลังเผชิญปัญหาจากผลของวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาและยุโรป จากการประเมินสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่า ยังมีความเข้มแข็ง และไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนมีความเห็นพ้องต้องกันที่จะต้องมีการสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งมากขึ้นในด้านเศรษฐกิจการเงินเพื่อปกป้องและสร้างเสถียรภาพให้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้
2.) ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอการเพิ่มศักยภาพของการติดตามและสร้างระบบระวังภัยทางเศรษฐกิจ (ASEAN Surveillance Process) ของสำนักงานเลขาธิการอาเซียน โดยการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมาเพื่อการศึกษาและติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมหภาคของแต่ละประเทศ การเพิ่มศักยภาพนี้จะช่วยสนับสนุนและเร่งรัดโครงการริเริ่มเชียงใหม่แบบพหุภาคี (Chiang Mai Initiative (CMI) Multilateralisation) ระหว่างอาเซียนกับประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่จะทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของประเทศในกลุ่ม ASEAN+3 อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.) ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอโครงการประเมินความพร้อมของระบบการเงินของประเทศในอาเซียนในมิติต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการวางแผนและกำหนดขั้นตอนที่เหมาะสมสำหรับประเทศต่างๆ เพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 (ค.ศ. 2015) นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับข้อเสนอของนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ว่า การศึกษาและประเมินความพร้อมของประเทศต่างๆ นั้น ต้องพิจารณาถึงกรณีที่จะดำเนินการหรือร่วมมือระหว่างกันในกรณีที่จะต้องแก้ปัญหาวิกฤตให้เป็นผล มิได้ดูเฉพาะการก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียว ซึ่งประเด็นนี้ก็กำลังเป็นปัญหาความยากลำบากในการหาความร่วมมือกันในประชาคมยุโรป เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติการเงินที่ลุกลามเข้าสู่ยุโรปในขณะนี้
สำนักนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. (02) 273-9020 ต่อ 3666
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 72/2551 8 ตุลาคม 51--