รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 20 ตุลาคม 2551

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 20, 2008 11:43 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 20 ต.ค. 2551

SUMMARY:
  • วิกฤตการเงินโลก กระทบราคาสินค้าเกษตร
  • ผู้ผลิตรถยนต์แนะรัฐฯ เกาะติดวิกฤติเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดแก้ไขอย่างทันท่วงที
  • โอเปกส่งสัญญาณลดกำลังการผลิตน้ำมัน
HIGHLIGHT:
1. วิกฤตการเงินโลก กระทบราคาสินค้าเกษตร
  • ภาคเอกชนประเมินวิกฤตการเงินโลกที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก และกำลังส่งผลกระทบต่อภาคต่อธุรกิจต่างๆรวมถึงธุรกิจการเกษตร เนื่องจากผู้นำเริ่มชะลอการนำเข้า ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรในประเทศ โดยเฉพาะราคายางพารา ข้าว มันสำปะหลัง เริ่มปรับตัวลดลง และมีแนวโน้มจะปรับลดลงต่อเนื่อง

-สศค. วิเคราะห์ว่า การที่ราคาสินค้าเกษตรในประเทศปรับตัวลดลงเนื่องจากราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกปรับลดลง โดยมีสาเหตุมาจาก 1) ผลจากราคาที่ขยายตัวในระดับสูงในช่วงก่อนหน้า จูงใจให้แต่ประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรเร่งผลิตสินค้า 2) ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ส่งผลให้ความต้องการพืชพลังงานทดแทนลดลง และ3) ผลจากวิกฤติการเงินสหรัฐที่ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจหลายประเทศเริ่มมีสัญญาณชะลอตัวอย่างชัดเจน เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นตลาดหลักคู่ค้าหลักของไทย ส่งผลให้ความต้องการสินค้าเกษตรลดลง ทั้งนี้ ราคาสินค้าเกษตร 9 เดือนแรกปี 51 ขยายตัวร้อยละ 30.7 ต่อปี

2. ผู้ผลิตรถยนต์แนะรัฐฯ เกาะติดวิกฤติเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดแก้ไขอย่างทันท่วงที
  • รองประธานกรรมการ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยจำกัด กล่าวว่าทางออกของผู้ส่งออกภายใต้วิกฤติการเงินโลกและปัญหาการเมืองภายในประเทศ ก็คือต้องเน้นตลาดส่งออกให้มาก ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลดูแบบอย่างสหรัฐอเมริกาในการติดตามปัญหาและเข้าไปจัดการอย่างทันท่วงที ทั้งนี้ คาดว่า ตลาดรถยนต์ไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 6.3 แสนคัน ลดลงจากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ที่ 6.5 แสนคัน ส่วนด้านตลาดส่งออกน่าจะอยู่ที่ระดับ 7.5 แสนคัน ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 7.9 แสนคัน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ภาวการณ์ส่งออกรถยนต์ในช่วง 9 เดือนแรกปี 51 ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 25.6 ต่อปี อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกรถยนต์เดือนล่าสุด (ก.ย.51) มีสัญญาณชะลอตัวลงขยายตัวที่ร้อยละ 26.7 ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 46.0 ต่อปี สำหรับตลาดส่งออกรถยนต์ในปี 52 คาดว่าการส่งออกจะชะลอตัวในตลาดสำคัญๆ เช่น ตลาดเอเชีย-โอเชียเนีย ตะวันออกกลางและยุโรป โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอาจทำให้อุปสงค์รถยนต์นำเข้าในประเทศดังกล่าวลดลง สำหรับตลาดในประเทศนั้น คาดว่าในปีหน้า ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศจะชะลอตัวลดลง จากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังชะลอตัวต่อเนื่องและการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของสถาบันการเงิน
3. โอเปกส่งสัญญาณลดกำลังการผลิตน้ำมัน
  • รัฐมนตรีน้ำมันแอลจีเรียและประธานกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) เปิดเผยว่า โอเปกจะมีการตัดสินใจปรับลดการผลิตครั้งใหญ่ในระหว่างการประชุมฉุกเฉินที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย วันที่ 24 ต.ค. 51 จากเดิมจะมีการประชุมวันที่ 18 พ.ย. 51โดยคาดว่าจะเป็นการปรับลดในระดับที่สูงมากถึง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากที่ปัจจุบันราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนักกว่า 55% จาก ราคาสูงสุดในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า ราคาที่มีเสถียรภาพ ไม่ควรจะสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป ควรอยู่ที่ประมาณ 70-90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การลดการผลิตน้ำมันของโอเปกมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดต่ำอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ลดลงจะส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อของไทยลดลงในช่วงปลายปี 51 และปี 52 ทั้งนี้ สศค. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 51 และ 52 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 6.3 และ ร้อยละ 3.0-4.0 ตามลำดับ ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดูไบที่ 103.7 และ 95-105 ดอลลาร์สหรัฐในปี 51 และ 52 ตามลำดับ

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ