รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2551

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 21 ต.ค. 2551

• 9 เดือนแรกปี 51 บริษัทเอกชนยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ 8.7 หมื่นล้านบาท
• ผลักดันการประชุมผู้นำโลกเพื่อสะสางวิกฤต
• เศรษฐกิจจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 51 ขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ 9.9 ต่อปี

• สำนักงานฟื้นฟูกิจการ กรมบังคับคดี เปิดเผยว่า 9 เดือนแรกปี 51 มีบริษัทเอกชนยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการกับศาลล้มละลายกลางจำนวนสูงจำนวน 39 บริษัท คิดเป็นทุนทรัพย์ 8.7 หมื่นล้านบาท เป็นมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ส่งผลให้มีบริษัทต่างๆเข้ายื่นฟื้นฟูกิจการมากขึ้น ทั้งนี้ ในปี 50 มีลูกหนี้ยื่นคำร้องฟื้นฟูกิจการ 69 ราย ทุนทรัพย์รวม 1.25 แสนล้านบาท
• สศค. วิเคราะห์ว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยในช่วงที่ผ่านมา และวิกฤติการเงินสหรัฐเริ่มลุกลามกระทบเศรษฐกิจโลกทำให้ภาคเศรษฐกิจจริง (real sector) ของไทยได้รับผลกระทบ และภาคธุรกิจต่างๆ อาจจะต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงต่อการดำเนินกิจการมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้มีนโยบายเพิ่มสภาพคล่องให้ระบบเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 51 ที่กำหนดให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อในปี 52 กว่า 9 แสนล้านบาท คาดว่าจะส่งผลให้ภาคธุรกิจของไทยโดยรวมสามารถดำเนินธุรกิจได้ความคล่องตัวมากขึ้น

• ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐ พร้อมด้วยประธานาธิบดี นิโกลาล์ ซาร์โกซิ แห่งฝรั่งเศส เปิดเผยว่า สหรัฐจะจัดการประชุมสุดยอดอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติการเงิน โดยการประชุมครั้งแรกจะจัดให้มีขึ้นในสหรัฐ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีเสร็จสิ้นลงในวันที่ 4 พ.ย.นี้
• ในด้านสถานการณ์วิกฤติการเงินล่าสุด รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้ทุ่มเงินกว่าหมื่นล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือบริษัท ไอเอ็นจี หลังไอเอ็นจีประกาศอาจต้องขาดทุนราว 500 ล้านยูโรในไตรมาสที่ 3 เนื่องจากปัญหาวิกฤติการเงิน และธนาคารเกิดภาวะขาดสภาพคล่อง
• สศค. วิเคราะห์ว่า ผลกระทบวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อระบบการเงิน ดังนั้น ความร่วมมือเพื่อปรับโครงสร้างระบบการเงินโลกของประเทศสำคัญในลักษณะประสานนโยบาย Coordinated Policy ของกลุ่มประเทศ G7 และประเทศสำคัญอื่นๆ จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินของโลกได้ ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุด กลุ่มประเทศต่างๆ (สหรัฐและยุโรป) ได้ประกาศอัดฉีดเงินกว่า 939 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือสถาบันการเงินที่ประสบปัญหาวิกฤติการเงินแล้ว โดยส่วนหนึ่งเป็นวงเงิน 250 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายใต้ TARP ของรัฐบาลสหรัฐเพื่อเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินสหรัฐ

• สำนักงานสถิติแห่งชาติของทางการจีนเปิดเผยว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศจีนซึ่งได้ส่งผลให้การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม (Real GDP growth) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 9.9 ต่อปี ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในช่วงครึ่งแรกของปีอยู่ที่ 7.9 ต่อปี ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อในช่วงเดือนกันยายนอยู่ที่ 4.6 ต่อปีในขณะที่การลงทุนในด้านสินทรัพย์ถาวรซึ่งเป็นตัวชี้วัดในด้านการใช้จ่ายของภาครัฐทางด้าน สาธารณูปโภค สิ่งปลูกสร้างและอุปกรณ์ ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.0 ต่อปี
• สศค. คาดว่า เศรษฐกิจจีนทั้งปี 51 และ 52 จะขยายตัวเฉลี่ยที่ร้อยละ 10.0 และร้อยละ 9.7 ต่อปี แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะสามารถขยายตัวได้ในระดับสูงที่ร้อยละ 9.9 ต่อปีในช่วง 9 เดือนแรก แต่ชะลอตัวลงร้อยละ 2.3 ต่อปีเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากวิกฤติการเงินโลกที่กระทบต่อภาคการส่งออกของจีน ซึ่งสะท้อนได้จากการปิดโรงงานขนาดใหญ่ของสหรัฐในจีนหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th