รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 22 ตุลาคม 2551

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 22, 2008 12:05 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 22 ต.ค. 2551

SUMMARY:
  • รถ-เรือหดค่าโดยสาร 28 ต.ค.
  • ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย.51ล่วงลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
  • คาดโอเปค ลดกำลังการผลิตสกัดน้ำมันร่วงหลุด 50 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล
HIGHLIGHT:
1. รถ-เรือหดค่าโดยสาร 28 ต.ค.
  • อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลลดลงมาอยู่ที่ 23.94 บาทต่อลิตร (วันที่ 21 ต.ค. 51) เห็นควรให้มีการลดค่าโดยสารรถลงทุกหมวด และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 51 ทั้งนี้ รถโดยสารธรรมดาขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมขสมก. ปรับราคาลง 1.50 บาท มินิบัสลดลง 1 บาท รถโดยสารปรับอากาศทั้งครีม-น้ำเงินและรถยูโรทูปรับลดอัตราค่าโดยสารช่วงละ 1 บาท และรถสองแถวลดลง 1.50 บาท สำหรับรถโดยสารประจำทางที่ให้บริการในต่างจังหวัดปรับลด กม. ละ 3 สตางค์
  • ในขณะที่อัตราค่าเรือใหม่คาดจะลด เรือข้ามฟากทุกท่าลด 0.50 บาท เหลือ 3 บาท เรือด่วนเจ้าพระยา เรือประจำทางลดลงระยะละ 1 บาท เหลือ 9-13 บาท เรือธงส้มลดลง 2 บาท เหลือ 13 บาท โดยภายใน 1-2 วันนี้ คณะกรรมการพิจารณาอัตราค่าโดยสารเรือประจำทางจะประชุม
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับลดค่าโดยสารทั้งรถและเรือจะเป็นการช่วยลดต้นทุนการเดินทางของประชาชน และจะเป็นการช่วยผ่อนคลายแรงกดดันเงินเฟ้ออีกทางหนึ่ง โดยอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 51 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 5.7 ต่อปี ตามการชะลอลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ทั้งนี้ หากมีการปรับลดค่าโดยสารสาธารณะซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.51 ของตะกร้าเงินเฟ้อลง จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในช่วงปลายปีลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม และจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีอาจจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 6.3
2.ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.51ล่วงลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม(TISI) เดือนก.ย.51 อยู่ที่ระดับ 81.1 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 83.0 โดยเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือนจากที่ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตลอด สาเหตุมาจากปัจจัยทางการเมืองที่มีความรุนแรงมากขึ้นในเดือนก.ย.51 รวมถึงวิกฤติศ.ก.ของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบถึงการส่งออกของไทยและผลประกอบการของไทย โดยสอท.คาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมล่วงหน้า 3 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 90.8 ปรับเพิ่มขึ้นที่ระดับ 89.0 โดยได้รับผลดีจากต้นทุนประกอบการที่ลดลงจากราคาน้ำมันที่ปรับราคาลดลง รวมถึงยอดคำสั่งซื้อที่ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ แม้ว่า
ยอดคำสั่งซื้อดังกล่าวจะน้อยกว่าปีที่แล้วก็ตาม
  • สศค.วิเคราะห์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องต่อไป จากปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ และปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกเช่นอิเลกทรอนิกค์ และยานยนต์ อย่างไรก็ตามภาครัฐจำเป็นต้องดูแลสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าวในระยะสั้นต่อไป
3. คาดโอเปค ลดกำลังการผลิตสกัดน้ำมันร่วงหลุด 50 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล
  • กุล่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีแผนลดกำลังการผลิตในการประชุมฉุกเฉินที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย ในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค. นี้ หลังเผชิญความต้องการน้ำมันเติบโตต่ำสุดนับแต่ปี 2536 เพื่อลดปริมาณน้ำมันส่วนเกินและกระตุ้นราคา ด้านนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ และเมอร์ลิน ลินช์ แอนด์ โค คาดว่าราคาน้ำมันดิบอาจร่วงลงได้อีกร้อยละ 44 หากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ทางด้านสัญญาออปชั่นจำหน่ายน้ำมัน 1000 บาร์เรลในราคา 50 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลในเดือน ธ.ค. ปิดที่ 280 ดอลล่าร์ โดยพุ่งขึ้นกว่า 28 เท่าในช่วงเวลาเพียง 2 สัปดาห์ สะท้อนตลาดคาดการณ์ราคาน้ำมันมีโอกาสลดลงมาที่ 50 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันดิบของโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกเริ่มส่งผลลุกลามไปยังภูมิภาคต่างๆทั่วโลก โดยประเทศที่บริโภคน้ำมันดิบในปริมาณสูงอย่าง สหรัฐฯมีการบริโภคลดลงกว่าร้อยละ 7.6 ในเดือนก.ย. หรือเฉลี่ยนับตั้งแต่ต้นปีมีการบริโภคลดลงถึง 1 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการกดดันราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวลดลง

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ