Macro Morning Focus ประจำวันที่ 30 ต.ค. 2551
SUMMARY:
- แบงค์เข้มสินเชื่ออสังหาฯยอดลูกค้ากู้ไม่ผ่านพุ่งร้อยละ 30
- ธ.ก.ส. ผวาลูกค้าเบี้ยวหนี้ 2 แสนล้าน
- Fed ลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 1 ตามคาด
HIGHLIGHT:
1. แบงค์เข้มสินเชื่ออสังหาฯยอดลูกค้ากู้ไม่ผ่านพุ่งร้อยละ 30
- บ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่าสถานการณ์วิกฤติทางการเงินโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายย่อยที่ซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งอาจจะกระทบลูกค้าที่ผ่อนดาวน์ไปได้ระยะหนึ่งแล้วกู้ไม่ผ่าน เบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนลูกค้าที่ขอกู้ไม่ผ่านและอาจจะทิ้งดาวน์ประมาณร้อยละ 10-20 โดย บ. พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด เผชิญกับลูกค้ากู้ไม่ผ่านถึงร้อยละ 30 เนื่องจาก ธ.พาณิชย์ เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อขยับฐานรายได้ลูกค้าพร้อมกับปรับอัตราดอกเบี้ยสะท้อนความเสี่ยงโครงการอสังหาริมทรัพย์
- สศค. วิเคราะห์ว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยคิดเป็นสัดส่วนต่อ Real GDPด้านอุปทานได้กว่าร้อยละ 6.2 และด้านอุปสงค์ ร้อยละ 4.0 ณ ปี 2550 และยังถือเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่อง (Linkage Industries) ที่มีบทบาทเชื่อมโยงต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ เป็นอย่างมาก ดังนั้น ภายใต้ภาวะความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีอยู่ในขณะนี้ หาก ธ.พาณิชย์ เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้
2. ธ.ก.ส. ผวาลูกค้าเบี้ยวหนี้ 2 แสนล้าน
- ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าในช่วง 6 เดือนหลังของปีบัญชีธนาคาร (เม.ย. 2551 — มี.ค. 2552) ค่อนข้างเป็นห่วงว่า สภาพเศรษฐกิจที่มีปัญหาราคาพืชผลการเกษตรหลายชนิดตกต่ำทั้ง ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์ม อาจจะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของเกษตรกรที่เป้นลูกค้า ธ.ก.ส. มีปัญหา
- โดยหนี้ที่เกษตรกรต้องจ่ายจะครบกำหนดชำระงวดแรกช่วงเดือน ธ.ค. นี้ วงเงินประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ปลูกข้าว ยางพารา และปาล์ม นอกจากนี้ ในช่วงเดือน มี.ค. 2552 ก็จะครบกำหนดชำระหนี้งวดถัดไปวงเงิน 1.7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ปลูกยางพารา ข้าวหอมมะลิ มันสำปะหลัง และข้าวโพด
- สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาสินค้าเกษตรของไทยโดยเฉพาะ ข้าว ข้าวโพดและมันสำปะหลังในช่วงที่ผ่านมามีการปรับตัวลดลงมากตามการลดลงของราคาตลาดโลก ทำให้เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 51 รัฐบาลได้ออกโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี โครงการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง รวมวงเงินทั้ง 3 โครงการกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งคาดว่าโครงการรับจำนำดังกล่าวจะมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาในการผิดนัดชำระหนี้ได้ส่วนหนึ่ง และช่วยพยุงรายได้เกษตรกรให้ขยายตัวต่อเนื่อง
3. Fed ลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 1 ตามคาด
- ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Funds Rate) 50 Basis Points หรือร้อยละ 0.5 ลงมาเหลือร้อยละ 1.0 ตามที่ตลาดคาดไว้ล่วงหน้า พร้อมกันนั้นได้ลดดอกเบี้ยมาตรฐาน (Discount Rate) ลงเหลือร้อยละ 1.25 เช่นกัน โดยแถลงการณ์ของ Fed ระบุว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เกิดจากแรงกดดันของวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินที่กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกในขณะนี้ และหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ก็อาจมีการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยอีกในอนาคต ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 จะหดตัวลงร้อยละ -0.5 ต่อปี เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (หรือขยายตัวร้อยละ 0.7 ต่อปี)
- สศค. วิเคราะห์ว่า สถานการณ์ภาคการเงินโลก จะตกต่ำรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัญหาพื้นฐานของสหรัฐ และเป็นไปได้ว่า Fed อาจต้องลดดอกเบี้ยอีกเพื่อพยุงเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่น โดย สศค. คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลงในไตรมาส 4 ปี 51 และ ไตรมาส 1 ปี 52 ขณะที่ทั้งปี 51 และ 52 จะขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 และ 0.7 ต่อปี ตามลำดับ
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th