รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2551

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 11, 2008 11:35 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 11 พ.ย. 2551

SUMMARY:
  • แนะ กนง. ลดดอกเบี้ย ดูแลเศรษฐกิจเติบโต
  • วิกฤติสหรัฐซัดหุ้นทั่วโลก คาด 2-4 ปีเริ่มฟื้น
  • คองเกรสสหรัฐเตรียมของบฉุกเฉิน 7แสนล้านเหรียญช่วยอุสาหกรรมรถยนต์
HIGHLIGHT:
1. แนะ กนง. ลดดอกเบี้ย ดูแลเศรษฐกิจเติบโต
  • ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ยังไม่มีความจำเป็นในการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เร่งด่วนก่อนวาระในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ เพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยในกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะต้องมีการปรับลด แต่จะปรับมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับ กนง. ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.75 ตามที่ กนง.ประกาศเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพจากภาวะเงินเฟ้อเริ่มมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7.2 ต่อปีจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 7.5 ต่อปี ขณะที่ความเสี่ยงต่อภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ดังนั้น การพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามความเหมาะสมของ กนง. ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของภาครัฐ จะช่วยให้การดำเนินนโยบายการเงิน การคลัง (Policy mix) มีประสิทธิภาพและสามารถรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น
2. วิกฤติสหรัฐซัดหุ้นทั่วโลก คาด 2-4 ปีเริ่มฟื้น
  • ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวในการสัมมนาการระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศกล่าวว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2-4 ปี ตลาดหุ้นทั่วโลกจึงจะกลับมาฟื้นตัวและเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินสหรัฐ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักจากการได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ดี รัฐบาลของนานาประเทศได้มีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อเข้าช่วยเหลือภาคการเงินจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้บ้าง แต่ความกังวลเกี่ยวกับการหดตัวของภาคเศรษฐกิจจริง (real sector) โดยเฉพาะสหรัฐ และยุโรปยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนยังคงจับตามองอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี ส่งผลให้ทั้งปี 51 เศรษฐกิจอาจจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.5 เท่ากับยูโรโซน และจะชะลอลงอย่างชัดเจนในปี 52 โดยสหรัฐ และยูโรจะขยายตัวร้อยละ 0.7 และ 1.2 ต่อปีตามลำดับ
3. คองเกรสสหรัฐเตรียมของบฉุกเฉิน 7แสนล้านเหรียญช่วยอุตสาหกรรมรถยนต์
  • ในการแถลงการณ์ของผู้นำวุฒิสภาและผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐเรียกร้องให้ เฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐใช้อำนาจภายใต้กฎหมายฉุกเฉินเพื่อสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจเพื่อให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ในลักษณะเดียวกันกับที่รัฐบาลเจียดงบประมาณ 2.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8.75 ล้านล้านบาท) เพื่อซื้อหุ้นของสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา พร้อมย้ำให้รัฐมนตรีคลังสหรัฐใช้มาตรการที่รัดกุมในการให้ความช่วยเหลือ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้เสียภาษี และช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว
  • สศค. วิเคราะห์ว่า มาตรการการสนับสนุนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์และภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง (real sector) จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐในทางตรงเนื่องโดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจภาคที่แท้จริงอาจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงิน ทั้งนี้ สศค คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐทั้งปี 51 จะอยู่ที่ 1.5และจะชะลอตัวต่อเนื่องโดยในปี 52 จะมีอัตราขยายตัวที่ร้อยละ 0.7

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ