Macro Morning Focus ประจำวันที่ 8 ธ.ค. 2551
SUMMARY:
- ปตท.ชะลอลงทุนโรงแยกก๊าซฯ 2 หมื่นล้าน
- สถิติชี้พิษสนามบิน จ่อปลดแรงงานภาคโรงแรม 2.6 แสนคน
- ธนาคารกลางต่างๆในยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่
HIGHLIGHT:
1. ปตท.ชะลอลงทุนโรงแยกก๊าซฯ 2 หมื่นล้าน
- ประธานกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.ได้ทบทวนโครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 วงเงิน 20,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการออกแบบโครงการ จากแผนเดิมกำหนดแล้วเสร็จในปี 2555 นอกจากนี้ยังทบทวนแผนการรับซื้อก๊าซจากแหล่งใหม่ๆโดยเฉพาะแหล่ง เอ็ม 9 ในประเทศพม่า ที่มีปริมาณการจำหน่ายเบื้องต้น 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยกำหนดจำหน่ายให้ฝั่งอ่าวไทย 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งจะเข้าระบบในปี 2556 เนื่องจากต้องการให้กำลังการผลิตก๊าซสอดคล้องกับความต้องการใช้ก๊าซในประเทศ
- สศค. วิเคราะห์ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีต่อเนื่องจนถึงปี 2552 มีสัญญาณชะลอตัวลงชัดเจนจากทั้งอุปสงค์ในประเทศและอุปสงค์จากต่างประเทศ ทำให้การผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆลดลงซึ่งเห็นได้จากดัชนีผลผลิตสินค้าอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือนต.ค.หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบปีที่ร้อยละ -0.9 ต่อปี ( 10 เดือนแรกปี 2551 อยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 8.7 ต่อปี) ซึ่งส่งผลให้ความต้องการก๊าซธรรมชาติที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตลดลงตามไปด้วย
2. สถิติชี้พิษสนามบิน จ่อปลดแรงงานภาคโรงแรม 2.6 แสนคน
- เลขาธิการสถิติแห่งชาติเผยว่า การปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง รวมถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูการท่องเที่ยว(พ.ย.-ก.ย.) ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการท่องเที่ยว ส่งผลถึงแรงงานในธุรกิจโรงแรมและที่พักจำนวน 2.6 แสนคน อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะตกงานในปี 52 โดยแรงงานที่อยู่ธุรกิจโรงแรมและที่พักที่มีแรงงาน 50-200 คน คาดว่ามีการจ้างงานลดลงจาก 1.33 แสนคนเป็น 1 แสนคน ส่วนธุรกิจที่มีแรงงานไม่เกิน 50 คน คาดว่ามีการจ้างงานลดลงจาก 9.9 หมื่นคนเหลือ 7 หมื่นคน
- สศค. วิเคราะห์ว่า นอกเหนือจากปัจจัยภายในประเทศแล้วภาคธุรกิจการท่องเที่ยวยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกประเทศ คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวซึ่งจะส่งผลกระทบทางลบต่อดุลบริการของประเทศให้ลดลง ทั้งนี้หากมีการปลดจำนวนแรงงานที่มากถึง 2.6 แสนคน จะคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.8 ของแรงงานในโรงแรมและภัตตาคารช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว(พ.ย.-มี.ค.) ที่มีฐานการจ้างงานโดยเฉลี่ย 2.4 ล้านคน
3. ธนาคารกลางต่างๆในยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่
- ธนาคารกลางของประเทศต่างๆในยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยธนาคารกลางสวีเดน มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย RP ลงร้อยละ 1.75 จากร้อยละ 3.75 เหลือร้อยละ 2 ซึ่งนับเป็นการปรับลดครั้งใหญ่ที่สุด ต่อมาในวันเดียวกัน ธนาคารกลางอังกฤษมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 1 จากเดิมร้อยละ 3 เหลือร้อยละ 2 ซึ่งต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษนับตั้งแต่ตั้งธนาคารกลางอังกฤษมา และสุดท้าย ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.75 จากร้อยละ 3.25 เหลือร้อยละ 2.5
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารกลางต่างๆในยุโรป เป็นผลมาจากทั้งความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ลดลง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากวิกฤตการเงินในสหรัฐ ดังจะเห็นได้จากตัวเลขประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจในทวีปยุโรป ซึ่งล่าสุดคาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัวที่ร้อยละ-0.5 ถึงร้อยละ -0.8 (% qoq) การลดอัตราดอกเบี้ยจึงอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคจริงได้ อย่างไรก็ตาม ทางการยุโรปอาจต้องใช้มาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม เพื่อให้เห็นผลก่อนที่ความเสียหายจากเศรษฐกิจถดถอยจะขยายวงกว้างไปยังประเทศอื่นๆ ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยซึ่งส่งออกไปยังสหภาพยุโรปมาก เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง โดยมีมูลค่าส่งออกคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 11.7 ของมูลค่าการส่งออกรวมในช่วง10เดือนแรกของปี อาจจะได้รับผลด้านยอดการส่งออกที่หดตัวลง จึงควรเร่งการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินครั้งนี้น้อยกว่า
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th