Macro Morning Focus ประจำวันที่ 23 ธ.ค. 2551
SUMMARY:
- มูลค่าการส่งออกของไทยหดตัวร้อยละ -18.6 ต่อปี
- เปิดร่างนโยบาย รัฐบาลใหม่ กระจายเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจรากหญ้า
- โตโยต้าขาดทุนครั้งแรกในรอบเกือบ 70 ปี
HIGHLIGHT:
1. มูลค่าการส่งออกของไทยหดตัวร้อยละ -18.6 ต่อปี
- กระทรวงณิชย์เผยตัวเลขการค้าว่า การส่งออกในเดือนพฤศจิกายนของปี 2551 มีมูลค่า 11,870.2 ล้ารเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 18.6สำหรับการส่งออกในช่วง 11 เดือนแรกของปี่ 2551 มีมูลค่า 166,236.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.7 ส่วนการนำเข้าในเดือนพฤศจิกายนของปี 2551 มีมูลค่า 13,072.6ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 2.0 สำหรับช่วง 11 เดือนแรกของปี 2551 มีมูลค่า 167,398.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.9 และในดูลการค้าในเดือนพฤศจิกายน 2551 ไทยขาดดุลการค้ามูลค่า 1,202.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับช่วง 11 เดือนแรกของปี 2551 ไทยขาดดุลมูลค่า 1,162.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- สศค. วิเคราะห์ว่า มูลค่าการส่งออกหดตัวลงมากในเดือนพฤศจิกายน 2551 เกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมากว่าที่คาด ประกอบกับราคาสินค้าในตลาดโลกชะลอตัวลงมาก อีกทั้งมีการปิดสนามบินทำให้การส่งออกชะงัก ทั้งนี้ การส่งออกหดตัวจะทำให้ GDP ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 มีความเสี่ยงที่อาจจะหดตัวลงได้
2. เปิดร่างนโยบาย รัฐบาลใหม่ กระจายเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจรากหญ้า
- รัฐบาลใหม่เร่งจัดทำร่างนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เตรียมใช้ยาแรงด้านการคลังอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 2 หมื่นล้าน ลงหมู่บ้าน SML โดยเพิ่มเป็น 2 เท่าของรัฐบาลเดิม เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อระดับครัวเรือน พร้อมแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และวางแนวทางการลงทุนด้านสาธารณูปโภคเข้าถึงทุกบ้าน ทั้งนี้ หมู่บ้านและชุมชนที่จะเสนอของบประมาณตามโครงการ SML ต้องร่วมกันคิดโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อหมู่บ้านและชุมชน
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐที่มาจากภาคการเงินนั้น ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริง (real sector) ของประเทศไทยในช่วงปี 2552 ที่จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของประเทศไทยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี รัฐบาลใหม่ได้ดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลในปีงบประมาณ 2552 โดยรัฐบาลจะได้จัดทำงบประมาณเพิ่มเติมกลางปี 1 แสนล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก และกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนภายในประเทศ รวมถึงการผลักดันการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ (Mega Project) ทำให้การขาดดุลการคลังในปีงบประมาณ 2552 ที่รวมงบกลางปีคิดเป็นร้อยละ -3.5 ของ GDP ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง
3. โตโยต้าขาดทุนครั้งแรกในรอบเกือบ 70 ปี
- บริษัทโตโยต้า มอเตอร์คอร์ป ได้แถลงตัวเลขคาดการณ์ผลขาดทุนจากการดำเนินงานประจำปี 2551 ที่จะสิ้นสุดในเดือน มี.ค. 52 ว่าจะขาดทุนจำนวน 150 พันล้านเยน ถือเป็นการขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่มีการทำรายงานงบการเงินประจำปีเมื่อปี 2484 สืบเนื่องจากค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น และความต้องการรถยนต์ในตลาดโลกดิ่งลง อย่างหนัก โดยเฉพาะยอดขายเดือน พ.ย.51 ลดต่ำลงที่สุดในรอบ 26 ปี
- สศค. วิเคราะห์ว่า สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ทำให้อุปสงค์สำหรับรถยนต์ลดลงเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ค่าเงินสกุลเยนแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทข้ามชาติญี่ปุ่นที่มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศเป็นหลัก ปัจจุบันพบว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นได้มีการปลดคนงาน โดยบริษัท โตโยต้า มอเตอร์คอร์ป ลดจำนวนพนักงานชั่วคราวลงร้อยละ 50 (ประมาณ 3,000 คน) แนวโน้มดังกล่าวถือเป็นตัวชี้วัดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังตกอยู่ในภาวะถดถอยที่รุนแรงขึ้นซึ่งทางการญี่ปุ่นได้คาดว่า Real GDP ปี 2551 จะขยายตัวร้อยละ -1.8 จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.4
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th