Macro Morning Focus ประจำวันที่ 24 ธ.ค. 2551
SUMMARY:
- ธปท.เผยค่าเงินบาทที่อ่อนลงเป็นผลจากการซื้อน้ำมันเพิ่ม
- รัฐบาลดึงงบประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทอุ้มตกงาน 5 แสนคน
- ราคาน้ำมันดิบร่วง หวั่นตัวเลขนำเข้าน้ำมันดิบของจีนต่ำสุดในรอบปี
HIGHLIGHT:
1. ธปท.เผยค่าเงินบาทที่อ่อนลงเป็นผลจากการซื้อน้ำมันเพิ่ม
- ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรองประจำธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงระดับค่าเงินบาทเมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.51)ว่ามีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากวันก่อนหน้าเล็กน้อย โดยเป็นผลมาจากธุรกรรมการซื้อน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้การซื้อดอลลาร์สุทธิมากกว่าปริมาณการขายดอลลาร์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการที่ตัวเลขส่งออกในเดือนพฤศจิกายนที่ประกาศออกมาว่ามีการปรับลดลงแต่อย่างใด โดยค่าเงินบาทเมื่อวานนี้เปิดตลาดที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงร้อยละ 0.17 จากวันก่อนหน้า
- สศค. วิเคราะห์ว่าการเร่งซื้อน้ำมันในช่วงวันก่อนอาจเป็นเหตุมาจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้มีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่นักลงทุนต่างมองว่าความต้องการทางด้านพลังงานจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Dubai ปรับตัวลดลงมาปิดที่ 37.45 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ในขณะเดียวกันค่าเงินบาทในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ในระดับที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นๆในภูมิภาคและไม่ได้อยู่ในระดับที่น่ากังวล
2. รัฐบาลดึงงบประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทอุ้มตกงาน 5 แสนคน
- รัฐบาลจะทบทวนการจัดสรรงบประมาณกลางปี 1 แสนล้านบาทใหม่ เพื่อนำงบมาใช้ในโครงการตามนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะการแก้ปัญหาคนว่างงานโดยจะจัดสรรงบประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ฝึกอบรมอาชีพแรงงาน 5 แสนคน จากที่คาดว่าจะว่างงานในปี 2552 จำนวน 0.8-1.2 ล้านคน ก่อนส่งกลับไปทำงานที่บ้าน พร้อมกันงบอีก 3 หมื่นล้านบาทอุ้มนโยบาย “เรียนฟรีจริง” เดินหน้านโยบายกึ่งการคลัง ดึงเงินธนาคารรัฐ ใช้โครงการเร่งด่วน เตรียมกู้ธนาคารออมสิน 2 หมื่นล้านบาท ตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง แจก 7 หมื่นหมู่บ้าน เพิ่ม 2 เท่าของโครงการเอสเอ็มแอล
- สศค. วิเคราะห์ว่า นโยบายการแก้ไขปัญหาคนว่างงานของรัฐบาลดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการลดปัญหาแรงงานว่างงานในปี 2552 ซึ่งคาดว่าจะมีแรงงานว่างงานมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอตัวลงร้อยละ 0-2.0 จากการวิเคราะห์ของ สศค.พบว่าหาก GDP ลดลงร้อยละ 1 จะส่งผลให้การจ้างงานลดลงประมาณ 3 แสนคน
3. ราคาน้ำมันดิบร่วง หวั่นตัวเลขนำเข้าน้ำมันดิบของจีนต่ำสุดในรอบปี
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับตัวลดลง 2.45 ดอลล่าร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 39.91 หลังรายงานตัวเลขนำเข้าน้ำมันดิบของจีนเดือน พ.ย.51 ประกาศออกมาลดลงร้อยละ 1.86 ต่อปี อยู่ที่ระดับ 3.25 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบปี เนื่องจากปริมาณการบริโภคปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 3.2 ประกอบกับตัวเลขนำเข้าน้ำมันดิบของญี่ปุ่นในเดือน พ.ย.51 ที่ลดลงถึงร้อยละ 17.1 ต่อปี ทั้งนี้ตลาดกำลังจับตามองผลจากการที่ประเทศจีนปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศลงซึ่งนับเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี ว่าจะกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมันได้หรือไม่
- สศค. วิเคราะห์ว่า ประเทศจีนซึ่งถือว่าเป็นประเทศผู้บริโภคและนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของเอเชีย กำลังเผชิญปัญหาจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่บั่นทอนความมั่นใจในการบริโภคและการลงทุน ทำให้ปริมาณการนำเข้าน้ำมันปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดของปี โดยคาดว่าในไตรมาสที่4 อุปสงค์น้ำมันของจีนจะลดลงมาสู่ระดับ 7.9 ล้านบาร์เรล/วัน หรือลดลง 0.2 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ดีการประกาศปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคลง 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน จะช่วยผยุงราคาน้ำมันดิบไม่ให้ปรับตัวลดลงมาก
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th