Macro Morning Focus ประจำวันที่ 27 ม.ค. 2552
SUMMARY:
- นายกรัฐมนตรีระบุแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไม่กระทบวินัยทางการคลัง
- ก.คลังเห็นชอบกรอบเงินเฟ้อของ ธปท. ในปี 52 อยู่ที่ร้อยละ 0.5-3.0
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของ ธ.กลางสหรัฐ
HIGHLIGHT:
1 นายกรัฐมนตรีระบุแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไม่กระทบวินัยทางการคลัง
- นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” ว่ารัฐบาลได้จัดเตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้สามารถรองรับกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยมีประเด็นเร่งด่วนคือการรักษากำลังซื้อภายในประเทศเพื่อไม่ให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศติดลบ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะได้ดูแลการใช้จ่ายไม่ให้กระทบวินัยทางการคลัง สำหรับการกู้เงินจากต่างประเทศนั้น จะพิจารณาถึงความเหมาะสมต่อไป
- สศค. วิเคราะห์ว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายกลางปีเพิ่มเติมมูลค่า 1.16 แสนล้านบาท จะส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 3.65 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวในปี 52 ได้ที่ร้อยละ 1.9 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากกรณีฐาน (ไม่มีงบประมาณเพิ่มเติม) ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 1.0 ต่อปี
2. ก.คลังเห็นชอบกรอบเงินเฟ้อของ ธปท. ในปี 52 อยู่ที่ร้อยละ 0.5-3.0
- ก.คลัง ได้เห็นชอบกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในปี 52 ตามที่ ธปท. เสนอที่ร้อยละ 0.5 — 3.0 ต่อปี ทั้งนี้ ในปี 51 ธปท. กำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 0 — 3.5 ต่อปี ในขณะที่ปี 52 มีแนวโน้มที่เงินเฟ้อจะปรับตัวลดลง และ ธปท. ได้ปรับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อลง โดยธปท. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 52 คงไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย หรือภาวะเงินฝืดเหมือนในต่างประเทศ เนื่องจากยังมีการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจในประเทศจากรัฐบาล
- สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของปี 51 อยู่ที่ร้อยละ 5.5 ต่อปี เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก แต่ราคาน้ำมันได้มีการปรับตัวลดลงมากในช่วงครึ่งหลังของปี 51 ทั้งนี้ สศค. คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 52 จะขยายอยู่ที่ร้อยละ 1.0 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวที่ร้อยละ 0.8 ต่อปี จากสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องในปี 52
3. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของธ.กลางสหรัฐ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การประชุมของ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะจัดขึ้น ณ วันที 27-28 ม.ค. นี้ จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่กรอบร้อยละ 0.00 — 0.25 ต่อปี เนื่องจากดัชนีภาคการผลิตและภาคการบริการมีส่งสัญญาณถดถอย และอัตราการว่างงานปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 7.2 ในเดือน ธ.ค. 51 สัญญาณดังกล่าวเป็นตัวบ่งว่า เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะถดถอยที่ลึกและยาวนาน นอกจากนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดการคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจหดตัวร้อยละ - 0.7 ในปี 52
- สศค. วิเคราะห์ว่า ผลการดำเนินนโยบายการเงินผ่านคลายของ Fed ผ่านเครื่องมือต่างๆ ได้ส่งผลในเชิงบวกของการปรับตัวดีขึ้นของภาวะตลาดเงิน เช่นการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของอัตราดอกเบี้ยสกุลเงินดอลลาร์ (Libor) จากระดับอัตราสูงสุดร้อยละ 4.8 ต่อปี ในช่วงกลางเดือน ต.ค.51 ลดลงเหลือร้อยละ 1.2 ต่อปีในปัจจุบัน ทั้งนี้ ทางการสหรัฐฯ ได้ใช้นโยบายการเงินอย่างเต็มที่แล้ว สะท้อนได้จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ใกล้ศูนย์ในปัจจุบัน จึงเหลือเพียงนโยบายการคลังที่จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐต่อไปได้
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th