รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 13, 2009 11:07 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 13 ก.พ. 2552

SUMMARY:

1. ม.หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค.52 อยู่ที่ 68.3

2. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยธุรกิจไทยปี 52 มีความเสี่ยงสูงส่งผลให้การว่างงานเพิ่มขึ้น

3. ส่งออกจีนทรุดหนัก หดตัวร้อยละ -17.5 ต่อปี นำเข้าหดตัวร้อยละ -43.1 ต่อปี

HIGHLIGHT:
1. ม.หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค.52 อยู่ที่ 68.3
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค. 52 อยู่ที่ 68.3 เพิ่มขึ้นจาก 67.5 ในเดือน ธ.ค.51 เนื่องจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.ที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ยังคงต่ำกว่า 100 แสดงว่าผู้บริโภคยังคงรู้สึกไม่มั่นใจต่อระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากความกังวลในภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐและเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ และภาวะการจ้างงานที่ยังคงไม่สดใส
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ปัจจัยลบสำคัญต่อความเชื่อมั่นคือ เศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ได้ส่งผลกระทบวงกว้างต่อการผลิต การส่งออก การท่องเที่ยว และการจ้างงาน ทั้งของไทยและทุกประเทศทั่วโลก ดังนั้น รัฐบาลควร 1) เร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่ตั้งไว้แล้วและที่ตั้งเพิ่มเติม 2) สนับสนุนและบริหารจัดการให้ธุรกิจเอกชนใช้สิทธิประโยชน์จากมาตรการภาษีอย่างจริงจัง 3) สนับสนุนและบริหารจัดการการใช้นโยบายกึ่งการคลัง เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มสภาพคล่อง และสร้างความมั่นใจให้ธนาคารพาณิชย์ เข้ามาร่วมปล่อยสินเชื่อ 4) สร้างความเชื่อมั่นต่อคนไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ปรับตัวดีขึ้นในระยะต่อไป
2. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยธุรกิจไทยปี 52 มีความเสี่ยงสูงส่งผลให้การว่างงานเพิ่มขึ้น
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยปัญหาวิกฤตศ.ก.โลกในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของไทย ทำให้ยอดคำสั่งซื้อและยอดขายลดลงอย่างมาก โดยคาดว่าการส่งออกของไทยปี 52 อาจจะมีการหดตัวลงร้อยละ 7-12 ขณะที่จีดีพีไทยปี 52 ขยายตัวเพียงร้อยละ 0-1.2 ทำให้ภาคการผลิตต้องลดการผลิตลงและคาดว่ากำลังการผลิตในอุตสาหกรรมปี 52 จะอยู่ที่ร้อยละ 55-56.8 ซึ่งมีระดับที่ต่ำกว่าในช่วงหลังวิกฤตศ.ก.ปี 40 ส่งผลให้จำนวนผู้ว่างงานในปี 52 คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นไปใกล้หรือเกินกว่า 1.5 ล้านคน โดยอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงการว่างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะว่างงานเพิ่มขึ้น 8.7 หมื่นคน -1.12 แสนคน ยานยนต์และชิ้นส่วน ประมาณ 4.9 -7.0 หมื่นคน และอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เครื่องหนัง ประมาณ 1.15 -1.54 แสนคน ขณะเดียวกันการดูดซับแรงงานจากภาคการเกษตรอาจน้อยกว่าระดับเฉลี่ยของปีก่อนๆ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การบริหารจัดการนโยบายในระดับ Cluster หรือ Supply Chain เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะภาคการผลิต การส่งออก และการจ้างงาน มีความสัมพันธ์กัน และในแต่ละ Cluster หรือ Supply Chain ก็มี Backward — Forward Linkage มากกว่าในอดีต ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งฟื้นภาคการผลิต ภาคการส่งออก และภาคท่องเที่ยว
3. ส่งออกจีนทรุดหนัก หดตัวร้อยละ -17.5 ต่อปี นำเข้าหดตัวร้อยละ -43.1 ต่อปี
  • ตัวเลขส่งออกสินค้าจีนเดือน ม.ค. 52 หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ที่ร้อยละ -17.5 ต่อปี ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูล และยังลดลงขณะที่ยอดนำเข้าสินค้าก็หดตัวจากปีก่อนถึงร้อยละ -43.1 ต่อปี โดยการนำเข้าที่หดตัวเร่งตัวมากกว่าการส่งออกทำให้ดุลการค้าจีนเดือน ม.ค. 52 ยังคงเกินดุลที่ 39.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ 39.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เมื่อหักปัจจัยวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับช่วงปลายเดือนม.ค. (ในขณะที่เทศกาลตรุษจีนของปี51ตรงกับช่วงเดือนก.พ.) การส่งออกจีนจะขยายตัวที่ร้อยละ 6.8 ต่อปี ในขณะที่การนำเข้าหดตัวที่ร้อยละ -26.4 ต่อปี
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การส่งออกและนำเข้าของจีนที่หดตัวนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ที่ทำให้มีวันทำการเพียง 17 วันในเดือนม.ค.52 อีกทั้งเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักชะลอตัว ส่วนการนำเข้าที่หดตัวมาก บ่งชี้ถึงการส่งออกในอนาคตที่จะหดตัวลงมากขึ้น (เนื่องจากครึ่งหนึ่งของสินค้านำเข้าจีนเป็นสินค้าวัตถุดิบที่ใช้ผลิตเพื่อการส่งออก) และสะท้อนอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอมากขึ้น ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าของไทยอันดับ 4 มีสัดส่วนถึงร้อยละ 9.1 ของการส่งออกรวมของไทย สินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ ยางพารา และน้ำมันสำเร็จรูป

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ